กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--โฟร์ฮันเดรท
"นม" เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และครบทุกคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และยังมีความสำคัญกับผู้คนทุกเพศทุกวัย เพราะสารอาหารที่มีอยู่ในนมนั้นมีคุณค่าทั้งต่อการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และสร้างเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ด้วยคุณค่าของนมที่มีอยู่มากมาย ดังนั้น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (The Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) จึงได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันดื่มนมโลก" เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้และคุณประโยชน์ของนมแก่ประชาชน โดยปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลกที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก อาทิ จีน อินเดีย เวียดนาม อังกฤษ ออสเตรเลีย สวีเดน และเดนมาร์ก เป็นต้น
นายวิทยา ฉายสุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการ "วันดื่มนมโลก" เริ่มขึ้นอย่างจริงจังเป็นเวลา 9 ปีแล้ว แต่ในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่มีการจัดงาน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานจากภาครัฐ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการรณรงค์และส่งเสริมให้คนไทยได้หันมาดื่มนมโคสดแท้กันมากขึ้น ซึ่งการจัดโครงการในวันที่ 1 มิถุนายน 2555 นี้ ได้รับความร่วมมือจากกรมปศุสัตว์ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค) เป็นตัวแทนในการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อหวังกระตุ้นให้คนไทยหันมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองและคนรอบข้าง และยังเป็นการช่วยเหลือและส่งเสริมอาชีพกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้สามารถขายน้ำนมดิบได้มากขึ้นด้วย
ในส่วนของรัฐบาลเองก็ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง จะเห็นได้จากโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียนที่มีมาเป็นเวลาหลายปี ด้วยการให้เด็กก่อนวัยเรียนจนถึงชั้นประถมปีที่ 4 ได้ดื่มนม จนมาถึงในปีนี้ เนื่องจากสภาพธรรมชาติที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตน้ำนม จึงเกิดเหตุการณ์ปริมาณน้ำนมดิบล้นตลาด รัฐบาลจึงแก้ไขปัญหาโดยการเพิ่มระดับชั้นเรียนที่ได้ดื่มนม จากเดิมที่บริโภคถึงระดับชั้นประถมปีที่ 4 เป็นระดับประถม ปีที่ 6 นอกจากนี้ ยังเพิ่มปริมาณด้วยการให้เด็กได้ดื่มนมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ อีกด้วย
นายวิทยา ฉายสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า รัฐบาลต้องการให้นักเรียนได้ดื่มน้ำนมโคสดแท้ 100% และถึงแม้ว่าข่าวคราวที่ออกมาจะก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย แต่ตนเชื่อว่าถ้าหากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันตรวจสอบผู้ประกอบการ ปัญหาเหล่านี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีก ในเวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ การพัฒนาน้ำนมให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศ ที่สำคัญเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมต่างยกย่องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชบิดาแห่งกิจการโคนมไทย อาชีพการเลี้ยงโคนมจึงเปรียบเสมือนอาชีพพระราชทาน และถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันกิจการโคนม ซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานคงจะก้าวหน้า และจะช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำนมจากนอกประเทศได้ ดังนั้น ในวันที่ 1 มิถุนายนี้ จึงถือเป็นวันสำคัญยิ่ง ที่จะเริ่มต้นการรณรงค์ให้คนไทยหันมาดื่มนมกันมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน นายสัตวแพทย์ทฤษดี ชาวสวนเจริญ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าประเทศไทยผลิตน้ำนมดิบได้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่คนไทยมีอัตราการดื่มนมเฉลี่ยเพียง 14 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่อัตราบริโภคนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และอัตราการดื่มนมทั่วโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตรต่อคนต่อปี ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไทยหันมาดื่มนมเพื่อสุขภาพมากขึ้นโดยเน้นการให้ความรู้ และกระตุ้นการสร้างนิสัยรักการดื่มนมในทุกเพศทุกวัย
กรมปศุสัตว์ จึงได้ร่วมกับ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) จัดกิจกรรมวันดื่มนมโลกขึ้น โดยกิจกรรมช่วงเช้าตนเองพร้อมคณะผู้จัดงานและผู้แทนของเด็กไทยจะเข้าพบ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานวัตถุประสงค์และรายละเอียดของกิจกรรมในวันงาน ส่วนช่วงบ่ายจะจัดกิจกรรม บริเวณลานด้านหน้า ดิจิตอลเกตเวย์ สยามสแควร์ ซอย 3 ประกอบด้วยนิทรรศการให้ความรู้ถึงคุณประโยชน์ของการดื่มนมโคสดแท้,การสาธิตการทำไอศกรีมจากนมรูปแบบต่างๆ,การแสดง บอลลูนแมน และD-Dance เพื่อแสดงถึงความแข็งแรง, ร่วมดื่มและรับนมฟรี พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตอย่างใกล้ชิด กับ ชิน ชินวุฒิ นอกจากนี้ผู้เข้าชมงานยังได้ดื่มและชิมฟรีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมโคสดแท้ อาทิ ไอศกรีม โยเกิร์ต และเนยแข็ง เป็นต้น
"นมสดมีคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยพัฒนาการทั้งทางสมองและโครงสร้างร่างกาย ซึ่งภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดีจากการดื่มนมโคสดแท้ จึงขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกเพศทุกวัยได้ร่วมกันดื่มนมเป็นประจำและต่อเนื่อง พร้อมกับเข้าร่วมกิจกรรม "วันดื่มนมโลก" เพื่อคนไทยทุกคนจะได้มีสุขภาพที่ดี" นายทฤษดี กล่าว
ด้าน นายนพดล ตันวิเชียร รองผู้อำนวยการทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า การดื่มนมโดยเฉพาะนมโคสดแท้ 100% นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ดื่มแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือและส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศให้สามารถขายน้ำนมดิบได้มากขึ้น ตลอดจนช่วยผลักดันการสร้างช่องทางใหม่ในการทำธุรกิจโคนมและน้ำนมสดอีกทางหนึ่งด้วย จึงเชิญชวนคนไทยหันมาบริโภคนมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสาวๆ ที่รักสุขภาพและบางครั้งไม่มีเวลารับประทานอาหารเช้า นมสดสามารถเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่สามารถบริโภคได้ เนื่องจากมีสารอาหารที่ครบถ้วนอย่างสมบูรณ์ เหมาะกับสภาพร่างกายที่สามารถนำประโยชน์ไปใช้ได้ทันที ที่สำคัญคนที่ดื่มนมต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ซึ่งกำลังเป็นโรคที่คุกคามประชากรทั่วโลก โดยโรคนี้มีผลกระทบต่อผู้หญิงหนึ่งในสามคน และผู้ชายหนึ่งในห้าคนทั่วโลกที่มีอายุ 50 ปีอีกด้วย
จากผลการศึกษาด้วยการนำนมโคสดแท้ 100% นมปรุงแต่งรสหวาน และนมเปรี้ยว ในปริมาณ 100 มิลลิกรัม มาเปรียบเทียบคุณค่าทางสารอาหาร จะพบว่านมโคสดแท้ 100% จะให้สารอาหารที่สูงที่สุด เช่น คุณค่าด้านแคลเซียม นมโคสดแท้ 135 มิลลิกรัม นมหวาน 120 มิลลิกรัม นมเปรี้ยว 70 มิลลิกรัม ด้านโปรตีน นมโคสดแท้ 3.3 กรัม นมหวาน 2.3 กรัม นมเปรี้ยว 1.3 กรัม ในส่วนของวิตามินเอ นมโคสดแท้ 71 ไมโครกรัม นมหวาน 38 ไมโครกรัม และนมเปรี้ยว 17 ไมโครกรัม ผลดังกล่าวทำให้วิเคราะห์ได้ว่านมหวาน และนมเปรี้ยวนั้นจะทำให้เด็กอ้วนได้มากกว่า นอกจากนี้ นมสดรสธรรมชาติยังเป็นอาหารที่สร้างความแข็งแรงให้กับฟัน ซึ่งหากเติมน้ำตาลเป็นนมหวาน เด็กจะเสี่ยงเป็นโรคฟันผุมากกว่าเด็กที่ดื่มนมจืดถึง 2-3 เท่า
สำหรับผู้สนใจ สามารถร่วมกิจกรรมวันดื่มนมโลกได้ที่ บริเวณลานด้านหน้าดิจิตอลเกตเวย์ สยามสแควร์ ซอย 3 ในวันที่ 1 มิถุนายนตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. เป็นต้นไป
นำเสนอข่าวโดยบริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด
รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง โทร. 02-553-3161-3