กรุงเทพฯ--1 มิ.ย.--โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
หลังการปรับปรุงครั้งใหญ่มูลค่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐได้สิ้นสุดลง โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ยังคงเดินหน้าโครงการปรับปรุงโรงแรมฯ อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการล่าสุดที่เพิ่งเสร็จสิ้นคือการปรับโฉมห้องครัวใหญ่มูลค่า 45 ล้านบาท (หรือ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่แผ่นกระเบื้องกันลื่น เครื่องล้างผักและผลไม้ ทางเดินสู่ห้องเก็บความเย็น เครื่องรมควัน เครื่องดูดควัน เครื่องทำความเย็น และเตาอบ ซึ่งช่วยทำให้การทำงานในครัวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ครัวใหม่แห่งนี้ คือสถานที่ที่เชฟใช้ในการเตรียมอาหารสำหรับงานจัดเลี้ยงและงานประชุม สัมมนา ตลอดจนห้องอาหารต่างๆในโรงแรม ไม่เพียงแค่การติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัยอย่างครบครัน แต่ยังถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย
ซอเมอร์วิลล์ บริษัทชั้นนำด้านผลิตและจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์เครื่องครัวคุณภาพสูงจากต่าง ประเทศ ได้ออกแบบครัวใหม่โดยการผสมผสานความหลากหลายระหว่างครัวต่างๆให้รวมเป็นหนึ่งเดียว โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ให้เป็นศูนย์กลางในการจัดเตรียมอาหารและเพื่อลดความสิ้นเปลืองจากส่วนต่างๆในครัว ตั้งแต่การรับออเดอร์อาหารไปจนถึงการเสิร์ฟอาหารสู่ห้อง อาหารต่างๆโดยถือเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดการปนเปื้อนระหว่างอาหารที่ยังดิบและปรุงสุกแล้วอีกด้วย
เชฟสามารถทำงานภายในครัวใหม่ได้อย่างราบรื่นและคล่องตัวโดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาการลื่นไถลภายในห้องครัว เนื่องจากบริษัทซอเมอร์วิลล์ได้เลือกกระเบื้องกันลื่นอาร์ 13 และอาร์ 10 ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานที่ยอมรับกันในระดับโลก สำหรับห้องครัวใหม่และโถงทางเดินของห้องครัว กระเบื้องอาร์ 13 เป็นกระเบื้องที่เหมาะสำหรับบริเวณพื้นที่เปียกเนื่องจากมีค่าความฝืดสูง ในขณะที่กระเบื้องอาร์ 10 ใช้กับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการลื่นไถลน้อย
ครัวใหญ่แบ่งตามประเภทการใช้งานออกเป็น 7 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ ครัวร้อน ครัวอาหารตะวันตกและตะวันออก สถานที่ทำความสะอาดผักและผลไม้ ห้องเย็น ห้องแยกเก็บเนื้อ/ปลาและซูชิที่ติดตั้งเครื่องรมควัน เครื่องทำความเย็นและพื้นที่เก็บอุปกรณ์ครัว และโถงทางเดินหลัก โดยแต่ละส่วนได้ติดตั้งเครื่องครัวที่ทันสมัย เพื่อรองรับความต้องการด้านอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรมฯ การก่อสร้างซึ่งใช้เวลา 4 เดือนครึ่งนี้ รวมไปถึงการทำกำแพง พื้น เพดานใหม่ทั้งหมด ทั้งยังรวมไปถึงเครื่องกลและไฟฟ้าอีกด้วย
ผักและผลไม้ทั้งหมดจะถูกนำไปยังพื้นที่รับของ/ล้าง/จัดเตรียม ซึ่งปลอดเชื้อ ผักและผลไม้จะผ่านการฆ่าเชื้อโรค โดยมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยก่อนที่ผักและผลไม้เหล่านั้นจะถูกนำไปในครัวร้อนและครัวเย็น เชฟในครัวเย็นและพื้นที่จัดเตรียมผลไม้เป็นผู้เตรียมของสดเพื่อส่งต่อให้ตรงตามความต้องการของห้องอาหารต่างๆ และงานด้านจัดเลี้ยง
ในส่วนพื้นที่จัดการเนื้อ อาหารทุกอย่างถูกจัดการอย่างชัดเจนโดยการติดฉลากและเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นสำหรับเก็บเนื้อ โดยพื้นที่ส่วนนี้มีเครื่องดูดควันที่แยกประเภทตามการใช้งาน เช่น อาหารที่ต้องปรุงสุก อาหารที่ไม่ต้องปรุงสุก อาหารทะเล และของร้อน เช่น ซุป
เครื่องครัวที่หรูหราและทันสมัยที่ถูกติดตั้งใหม่ ได้แก่ เครื่องรมควันบาสตรา เนื่องจากความต้องการอาหารรมควันภายในโรงแรมฯมีปริมาณสูง ดังนั้นจึงมีการติดตั้งเครื่องรมควันขนาดใหญ่ซึ่งสามารถรมควันปลาแซลมอนได้ 200 กิโลกรัมต่อวัน เครื่องทำความเย็นและเตาอบที่ทันสมัยได้ถูกติดตั้งขึ้นเช่นกัน โดยเตาอบเป็นการผสมผสานการใช้งานของเตาอบลมร้อนและการอบด้วยไอน้ำ ซึ่งเป็นการถนอมคุณค่าและสารอาหารของอาหารนั้นๆ
เชฟแฟรงค์ โบดัน พ่อครัวใหญ่ ของโรงแรมฯ กล่าวว่า “การปรับโฉมครั้งนี้ทำให้โรงแรม แชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมริมน้ำที่โดดเด่นด้วยเครื่องครัวที่ทันสมัย โดยเครื่องประกอบอาหารทุกเครื่องมีความปลอดภัยในสูงสุดมาตรฐานระดับนานาชาติ และถูกสุขอนามัยสำหรับการเตรียมการประกอบอาหารที่มีคุณภาพ และยังผลิตอาหารได้อย่างต่อเนื่องด้วย”
โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับประกาศนียบัตรมาตรฐาน ISO 14001 (ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม) ในเดือนมกราคม 2543 และยังเป็นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับประกาศนียบัตร “โรงแรมที่มีระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุมในการผลิตอาหาร” (ด้านการบริการอาหารและเครื่องดื่ม) หรือ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point System) ในเดือนกันยายนมกราคม 2549
ด้วยทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นโรงแรมริมน้ำแห่งเดียวที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสิน ทำให้แชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมรีสอร์ทในเมืองที่รองรับแขกได้ทุกกลุ่มทั้ง นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว รวมทั้งแขกกลุ่มประชุมและสัมมนา โรงแรมฯมีห้องพักและห้องสวีทรวม 802 ห้อง ห้องอาหารและบาร์ 9 แห่ง และห้องจัดเลี้ยงจัดประชุมขนาดต่างๆ มากกว่า 20 ห้อง