กรุงเทพฯ--6 มิ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,620 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,617 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.59 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,100 บาท กับ 24,200 บาท และกลับมาปิดที่ 24,100 บาท กับ 24,200 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 11,949 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 26,204 คู่สัญญา และ Silver Futures 57 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 5% แบบ 10 บาท ลดลง 3 % Silver Futures เพิ่มขึ้น 4 % GFM12 ปิดที่ 24,340 บาท และ GFQ12 ปิดที่ 24,470 บาท และ GF10M12 ปิดที่ 24,340 บาท และ GF10Q12 ปิดที่ 24,470 บาท SVM12 ปิดที่ 900 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,616.9 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น39 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 28.40 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,273.88 ตัน (ถือครองเท่าเดิม) น้ำมันNYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ระดับ 84.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 26.49 จุด ปิดที่ระดับ 12,127.95จุด
Ratio Gold / Silver 57 เท่ากับ ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
TheBullionDesk
- ราคาทองคำในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้มีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากจีนมีการนำเข้าที่แข็งแกร่งบวกกับความคาดหวังจากทั่วทุกมุมโลกในการที่เฟดจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- ปัจจัยทางพื้นฐานในฝั่งเอเชีย ได้แก่ การนำเข้าทองคำเข้าสู่ฮ่องกงที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์มากถึง 103.6 ตันในเดือนเมษายน ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.5% จากเดือนที่ผ่านมา โดยตลอดเดือนเมษายนการนำเข้าทองคำพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 431.2 ตัน เป็นจำนวนมากกว่าครึ่งของปริมาณในปีที่ผ่านมา
- Commerzbank AG ระบุในรายงานว่า หากความเคลื่อนไหวนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เราอาจเห็นการนำเข้าทองคำจากจีนในปีนี้มากกว่า 700 ตันก็เป็นได้ นอกจากนี้ ความต้องการทองคำจากนักลงทุนรายย่อยที่สูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางจีนจะไม่รีรอที่จะลดระดับราคาเพื่อขยายปริมาณการสำรองทองคำ
- ในขณะที่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้มีการเก็งกำไรจากเทรดเดอร์เป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มธนาคารกลางจะมีการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่เศรษฐกิจโลกในเร็วๆ นี้เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและปกป้องระบบภาคธนาคาร
- นอกจากนี้ จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ดังนั้นเฟดอาจมีระยะเวลาเพียงไม่นานเพื่อดำเนินการก่อนที่ผลของการกระทำอาจมีการปรากฎของแรงขับเคลื่อนทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ เป็นเพียงความยากลำบากเดียวในภูมิภาคที่รัฐบาลอยู่ภายใต้แรงกดดันในการที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด
- ดัชนี PMI ของจีนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 50.4 ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 53.3 ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2011 โดยตัวเลขเหนือระดับ 50 บ่งบอกถึงการขยายตัวของภาคการผลิต ซึ่งการประกาศตัวเลขดังกล่าวได้สนับสนุนกรณีสำหรับจีนในการที่จะตัดสินใจออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งอาจมีผลบวกต่อราคาทองคำ
- กองทุนสุทธิในสัญญาทองคำสัปดาห์ที่ 4 ระบุว่า นักเก็งกำไรยังคงจำกัดขอบเขตการถือสถานะ Long และเพิ่มสถานะ short position โดยสถานะ Long Position รวมลดลง 0.43 ล้านออนซ์ สถานะ Short Position รวมเพิ่มขึ้น 0.23 ล้านออนซ์ โดยสถานะ Long สุทธิลดลงต่อเนื่อง 0.66 ล้านออนซ์ มาอยู่ที่ระดับ 12.40 ล้านออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2008 สำหรับ Open Interest ลดลง 53,921 คู่สัญญา มาอยู่ที่ระดับ 674,096 คู่สัญญา
Reuters
- ราคาทองคำมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเมื่อคืนนี้ ตามที่ตลาดมีการผ่อนคลายจากการฟื้นตัวขึ้นมาในสัปดาห์ที่แล้ว และนักลงทุนเบนความสนใจไปที่เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจในยุโรปและการประชุมของธนาคารกลางในปลายเดือนนี้
- ราคาทองคำแท่งยังคงปรับตัวสูงขึ้นรวมกับสัปดาห์ที่แล้ว 3.5% ตามที่มีการสำรวจจากลุ่มธุรกิจที่ระบุว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักในยูโรโซน ณ ขณะนี้อยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งนักลงทุนยังคงกระวนกระวายใจเนื่องจากสเปนได้กล่าวว่าสเปนกำลังสูญเสียการเข้าถึงตลาดสินเชื่อ และยุโรปควรช่วยฟื้นฟูระบบธนาคารของสเปน ตามที่รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G7 ได้พูดคุยร่วมกันในเรื่องวิกฤตหนี้ยูโรโซนที่กำลังเลวร้ายลงอีก แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ร่วมกัน
- การรายงานข้อมูลเบื้องต้นจากรอยเตอร์ระบุว่า ปริมาณการซื้อขาย ณ ขณะนี้ถือเป็นระดับต่ำสุดของปีเพียง 90,000 ล็อต เมื่อเปรียบเทียบกับระดับเฉลี่ย 30 วันที่เกือบ 210,000 ล็อต ตามที่ตลาดอังกฤษปิดทำการเป็นวันที่ 2 เนื่องในวันเฉลิมฉลองครบรอบครองราชย์ 60 ปีของราชินีอลิซาเบธ ส่วนทางด้านสัญญา Options นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า มีตัวบ่งชี้ที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายและการซื้อขายล่าสุดของกองทุน SPDR ได้ชี้ให้เห็นว่าราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้น
- ตลาดสิงคโปร์
- ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้ที่ตลาดสิงคโปร์ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร ตามที่นักลงทุนรอผลการประชุมอีซีบีในช่วงค่ำวันนี้สำหรับการบอกเป็นนัยๆ ในการต่อสู้กับวิกฤตหนี้ยูโรโซนขั้นต่อไป โดยมีการคาดการณ์ว่าอีซีบีจะยับยั้งการเคลื่อนไหวในนโยบายใดๆ แต่จะมีการกระตุ้นรัฐบาลให้เร่งแก้ไขวิกฤตหนี้ยูโรโซนแทน แต่อย่างไรก็ตาม อีซีบีอาจชี้ให้เห็นถึงความพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
- นักลงทุนกำลังจับตามองผลการประชุมนโยบายของอีซีบีในวันนี้ และการปราศรัย testimony ของนายเบน เบอร์นันเก ประธานเฟดก่อนการประชุมรัฐสภาในวันพฤหัสบดี รวมไปถึงการเลือกตั้งของกรีซในวันที่ 17 มิถุนายน และการประชุม G20 ที่ประเทศเม็กซิโกในวันที่ 18 — 19 มิถุนายน
Infoquest
- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเยอรมนี 6 แห่งลง 1 ขั้น จากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของผลกระทบที่ยืดเยื้อจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน รวมทั้งศักยภาพที่จำกัดในการดูดซับภาวะขาดทุนของธนาคารดังกล่าว นอกจากนี้มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ยังได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารรายใหญ่ที่สุด 3 แห่งของออสเตรีย จากความเปราะบางต่อภาวะการดำเนินงานที่เลวร้ายในตลาดที่สำคัญบางแห่งในยุโรป และมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤตหนี้ภูมิภาค
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวันศุกร์
- ISM Non-Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 53.5 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 53.6ตัวเลขจริงเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 53.7
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
- Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 2.2M ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -1.1M
- ประกาศ Beige Book
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในระดับสูงเหนือระดับ 1,615 เหรียญได้ เป็นลักษณะการเคลื่อนตัวในระดับ 1,612-1,624 เหรียญในเมื่อวานนี้ โดยราคาปรับลงมาทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,614 เหรียญหลายครั้ง ภาพรวมๆราคาทองคำเป็นลักษณะของการสะสมพลัง เพื่อที่จะเคลื่อนตัวขึ้นต่อ โดยถ้าราคาสามารถทะลุเหนือระดับ 1,625 เหรียญขึ้นไปได้ ก็จะมีโอกาสไปทดสอบที่แนวต้านสำคัญถัดไปที่ระดับ 1,650 เหรียญ
Gold Futures M12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,300 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,520 บาท
Gold Futures Q12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,440 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,670 บาท
Silver Futures M12 จะมีแนวรับที่ระดับ 890 บาท และแนวต้านที่ระดับ 930 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น รายวัน (Daily Trade)
เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัว ในทิศทางขาขึ้น โดยจะมีแนวรับแนวต้านที่ระดับ 1,610 — 1,630 เหรียญ
นักลงทุนรายสัปดาห์ (Weekly Trade)
เป็นการทยอยเข้าช้อนซื้อ Portfolio ปรับเพิ่มเป็น 30%
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
ทยอยเข้าช้อนซื้อเช่นเดียวกัน Portfolio อยู่ที่ประมาณ 30% เช่นเดียวกัน
สรุปได้ว่า
โดยภาพรวมหลัก ราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยที่ตลาดยังคงเล่นข่าว QE3 อย่างต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้น และโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง