กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--เวิรฟ
เกษร พร็อพเพอร์ตี้ โชว์เหนือพา “MODE — โหมด” รับรางวัลเบสต์คอนโดระดับอินเตอร์พร้อมย้ำจุดแกร่งแบรนด์ ส่ง 3 กลยุทธ์มัดใจลูกค้าระดับพรีเมี่ยมมั่นใจปิดการขายปลายปี 55 ด้วยยอดขาย 1,000 ล้านบาท
- โชว์รางวัล Highly Commended ระดับอินเตอร์ International Property Awards สาขาBest Apartment Thailand ปี 2555-2556
- นำเทรนด์ “Spacious Living” ด้วยดีไซน์พื้นที่ห้องสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตอบโจทย์ทุกโหมดการใช้ชีวิต
- เหนือระดับด้วยการบริหารจัดการอาคารหลังเสร็จภายใต้บริการ “Gaysorn Residential Services”
บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ เปิดแผนรุกตลาดอสังริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ต่อเนื่อง ล่าสุดโชว์ “MODE — โหมด” ดิ ไฮเอนด์ คอนโดมิเนียม สไตล์โลว์ไรส์ โลวเดนซิตี้ สุขุมวิท 61 ยึดหัวหาดเอกมัย ซอยดีเด่นของกรุงเทพมหานคร พร้อมย้ำภาพลักษณ์แบรนด์แกร่งด้วย 3 กลยุทธ์หลัก กับสุดยอดที่อยู่อาศัยการันตีด้วยรางวัล Highly Commended ระดับอินเตอร์ International Property Awards สาขา Best Apartment Thailand ปี 2555 ชูจุดแข็งของการเป็นผู้นำเทรนด์ที่อยู่อาศัยสไตล์ “SpaciousLiving” เน้นความกว้างขวางของพื้นที่ภายในห้องแบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมห้องดีไซน์ล่าสุด “REGAL SUITE - รีกัล สวีต” ห้องสวีตระดับห้าดาวแบบ 2 ห้องนอนที่มีหน้ากว้างที่สุด และบริการเหนือระดับด้วยการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดแบบ High International Standard Best Practice” ภายใต้บริการ “Gaysorn Residential Services” (GRS) มั่นใจสามารถปิดการขายปลายปี 2555 ด้วยยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท
นายฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ กล่าวว่า “ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจคอนโดมิเนียมในเมืองระดับไฮเอนด์เป็นที่ต้องการของตลาด และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เน้นสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และอยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อระบบแมส ทรานซิส ของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ทองหล่อ- เอกมัย ที่ราคาขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 140,000 บาทต่อตารางเมตร ล่าสุด บริษัทฯ ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในทำเลย่านถนนเอกมัย ซึ่งนับเป็นซอยดีเด่นของกรุงเทพมหานคร เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมระดับพรีเมี่ยม “MODE — โหมด” ดิ ไฮเอนด์ คอนโดมิเนียม สุขุมวิท 61 ซึ่งเป็นซอยดีเด่นของกรุงเทพมหานคร เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ เน้นตอบสนองการอยู่อาศัยที่รักการใช้ชีวิตในเมืองและให้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวสูงภายใต้คอนเซ็ปต์ “Low-rise, Low-density — โลว์-ไรส์, โลว-เดนซิตี้” พร้อมแนวคิดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ “All Suite Boutique Living” สไตล์บูติกรีสอร์ทที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในรีสอร์ทอันอบอุ่น แวดล้อมด้วยพรรณไม้และสวนน้ำ พร้อมด้วยแมททีเรียลคุณภาพดี มีความปลอดภัยทั้งในด้านโครงสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวก
“ซี่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม “DOMUS - โดมัส” สุขุมวิท 16 และ 18 ซึ่งสามารถปิดการขายได้ 100% ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ ส่งผลให้บริษัทฯ เชื่อมั่นในการทำงานอย่างมีศักยภาพ ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้โครงการ “MODE — โหมด” ให้เป็นคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ เข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดการขายกว่า 60% โดยได้รับการตอบรับจากกลุ่ม Succeeders ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก”
นายฟ้าฟื้น กล่าวต่อไปว่า “ล่าสุดได้สานต่อกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การดีไซน์ที่คำนึงความคุณภาพชีวิตและความสวยงาม เพื่อประโยชน์การใช้สอยทุกตารางนิ้ว ที่การันตีด้วยรางวัลระดับอินเตอร์เนชั่นแนล อะวอร์ด, การแนะนำเทรนด์ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ล่าสุด “Spacious Living” และนำบริการเหนือระดับด้วยการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดภายใต้ Gaysorn Residential Services มาใช้กับโครงการโหมด โดยเรื่องการดีไซน์คุณภาพชีวิตนั้นนับเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านการดีไซน์อาคาร ห้องพัก และสิ่งอำนวยความสะดวก สิ่งแวดล้อม ระบบการก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านต่างๆ อาทิ ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำประปา หรือระบบบำบัด เป็นต้น รวมทั้งการนำนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์กับผู้พักอาศัยมาใช้ในการก่อสร้างโครงการ อาทิ การจัดให้มีประตูน้ำเปิดปิด (Sluice Valve) เพื่อป้องกันน้ำสาธารณะท่วมเข้ามาในโครงการ กรณีเกิดปัญหาน้ำท่วม ซึ่งจากความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนทำให้ล่าสุด โครงการคอนโดมิเนียม “MODE — โหมด” ได้รับรางวัล “International Property Awards สาขา Apartment Thailand” ปี 2555-2556 ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความโดดเด่นด้านการออกแบบดีไซน์ของ “MODE — โหมด” ได้เป็นอย่างดี
บริษัทฯ ได้วางรากฐานการบริการเหนือระดับด้วยการบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุดหลังสร้างเสร็จภายใต้ “Gaysorn Residential Services” (GRS) เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อและอยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “MODE — โหมด” โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การสร้างคุณค่าในการบริการ “Value Service” เน้นในเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการช่วยเหลือในด้านต่างๆ ด้านการบริหารจัดการเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวก “Best Practice Facility Management” การบริหารจัดการทรัพย์สินและเครื่องจักรส่วนกลาง มุ่งเน้นการวางแผนและงบประมาณล่วงหน้าถึง 5 ปี ในการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรและดูแลทรัพย์สินส่วนกลางต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งระบบประเมินผลการทำงาน และสุดท้ายในเรื่องการดูแลคุณภาพการบริการ “Quality Assurance” โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้าจากบริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในงานบริการลูกค้า การบริหารทรัพย์สินภายใต้มาตรฐานความใส่ใจในแบบ Refined Quality Living อันเป็นหัวใจสำคัญของบริษัทฯ”
นายเฟิม หงสนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “โครงการคอนโดมิเนียม MODE — โหมด” ภายใต้การออกแบบ “Spacious Living” เน้นความกว้างขวางของพื้นที่ภายในห้องชุดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยให้มีขนาดหน้าห้องกว้างที่สุดเพื่อให้สัมผัสถึงความสุขเหนือระดับในการใช้ชีวิตรูปแบบต่างๆ ผ่านการวาง Space Planning ที่ลงตัว ทำให้สามารถสร้างพื้นที่และเพิ่มประโยชน์ในการใช้สอยได้มากขึ้น อาทิ ห้องนั่งเล่นและห้องนอน ถูกแบ่งด้วย Sliding Partitions, ตู้เก็บของแบบ Built-in ที่แนบสนิทไปกับผนังห้องช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้อง, เพิ่มมิติการมองของตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำด้วยการกระจก หรือบานอะลูมิเนียมสีดำด้านในแบบ Sliding Balcony Screen ที่สามารถเลื่อนเปิดและปิดรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกได้ในทุกห้อง และล่าสุดได้เปิดตัวห้องชุดดีไซน์สุดหรู “REGAL SUITE - รีกัล สวีต” ห้องสวีตระดับห้าดาวแบบ 2 ห้องนอนที่มีหน้ากว้างที่สุดในตลาดคอนโดมิเนียมของย่านทองหล่อ-เอกมัย ด้วยขนาดหน้ากว้างถึง 14.5 เมตร มุมมองแบบพาโนราม่า และมีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 109 ตารางเมตร ซึ่งสามารถเปิดรับแสงยามเช้าทำให้ห้องดูสว่างไสวและเพิ่มความอบอุ่นมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยมีเพียง 8 ยูนิต เท่านั้น ในราคาเริ่มต้นที่ 14.99 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้สร้างขึ้นเพื่อตอบสนอง เทรนด์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้ชีวิตส่วนตัวบนพื้นที่กว้างขวางและสามารถทำกิจกรรมภายในห้องชุดได้หลากหลาย ปัจจุบันสามารถปิดการขายได้แล้วถึง 60% ของทั้งหมด”
“ซึ่งจากการที่บริษัทฯ มุ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม “MODE — โหมด” ดิ ไฮเอนด์ คอนโดมิเนียม สุขุมวิท 61 จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจต่อกลุ่มลูกค้า โดยมั่นใจสามารถปิดการขายปลายปี 2555 ด้วยยอดขาย 75% หรือกว่า 1,000 ล้านบาท” นายเฟิม กล่าวสรุป