กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--สนพ.
พรหมินทร์ ย้ำความมั่นใจในการใช้เอทานอล เป็นเชื้อเพลิง ชี้กลุ่มรถยนต์ทั่วโลก ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมเปิดสูตรส่วนผสมเอทานอล ย้ำ สัดส่วน5-10 %รถยนต์เติมได้ทุกคัน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายหลังที่ตนได้เดินทางไปประเทศบราซิล และได้พบปะกับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ต่าง ๆ โดยได้รับการยืนยันว่าการใช้เชื้อเพลิงเอทานอล เพื่อผสมในน้ำมันนั้น สามารถกระทำได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องปรับปรุงเครื่องยนต์ หรือปรับปรุงก็แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ข้อมูลจาก ผู้ประกอบรถยนต์ต่างๆ ที่ประเทศบราซิล และได้คำแนะนำในการปรับปรุงเครื่องยนต์ตามสัดส่วนต่าง ๆ ดังนี้
1. หาก ต้องการจะผสมเอทานอลในสัดส่วน 0- 5 % ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงหรือดัดแปลงเครื่องยนต์แต่อย่างไร
2. ผสมเอทานอลในสัดส่วน 5-10 % ไม่จำเป็นต้องดัดแปลงเครื่องยนต์ใด ๆ ในรถยนต์ที่ใช้ระบบหัวฉีด แต่ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นเก่าที่ยังใช้ระบบคาร์บูเรเตอร์ อาจต้องมีการปรับแต่ง เพื่อให้ได้สัดส่วน ผสมของอากาศและไอน้ำมันมีความเหมาะสม
3. ผสมในสัดส่วน 10-25 % ต้องปรับปรุงระบบหัวฉีด และปั๊มหัวฉีดรวมทั้ง ถังและท่อที่สัมผัสกับเชื้อเพลิง ที่จะต้องทำการเคลือบสารเพื่อป้องกันการสึกกร่อนเพิ่มเติม
4. ผสมในสัดส่วน 25-100% ต้องปรับปรุงระบบจ่ายเชื้อเพลิงและระบบเกียร์รวมทั้งระบบการทรงตัวของรถยนต์ เพื่อให้รองรับกำลังขับเคลื่อนที่แรงขึ้น เนื่องจาก เอทานอล 100% จะมีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่า และให้กำลังขับเคลื่อนที่แรงกว่า น้ำมันเบนซินธรรมดา
ทั้งนี้ จากการศึกษาและดูงานที่ประเทศบราซิล กระทรวงพบว่าหากนำเอทานอลมาใช้ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ จะให้ประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยด้านเศรษฐกิจนั้น จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตร สร้างงานสร้างรายได้ ให้เกษตรกร ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ และเพิ่มเงินหมุนเวียนในประเทศ ด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยลดมลพิษที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ ของน้ำมันเชื้อเพลิง เช่นฝุ่นละออง และเขม่าควันดำ ลดสารก่อเรือนกระจก ด้านสังคม จะเป็นการสร้างรายได้และกระจายรายได้ให้สู่ชนบท
"หลายประเทศทั่วโลก เริ่มส่งเสริมการใช้เอทานอลมากขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย อเมริกาใต้ สวีเดน เม็กซิโก้ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และนิวซิแลนด์ โดยมีหลายประเทศ ที่ใช้ เอทานอลเป็นส่วนผสมมาตรฐาน ของน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป เช่นประเทศบราซิล ใช้สัดส่วนถึง 24% ขณะที่ญี่ปุ่น เริ่มใช้ที่ 3% เป็นต้น" นายแพทย์พรหมินทร์กล่าว--จบ--
-นท-