กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 ณ ทำเนียบรัฐบาล ว่า สคร. ในฐานะเลขานุการฯ ได้ผลักดันวาระต่างๆ เข้าที่ประชุม เพื่อให้การดำเนินงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการพัฒนารัฐวิสาหกิจให้มีศักยภาพ ประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน โดยที่ประชุม กนร. ได้มีมติดังนี้
1. การพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการให้บริการประชาชน โดย ขสมก. ได้นำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ผ่านกระทรวงคมนาคมเพื่อให้ กนร. พิจารณา โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ 3 ด้าน ดังนี้
1.1 ยุทธศาสตร์ลดค่าใช้จ่าย โดยการจัดหารถโดยสารใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) ทดแทนรถโดยสารเดิมจำนวน 3,183 คัน พร้อมทั้งการปรับปรุงเส้นทาง โครงสร้างองค์กรและพนักงานให้สอดคล้องกับแนวทางการให้บริการ
1.2 ยุทธศาสตร์เพิ่มรายได้ โดยการบริหารจัดการรถโดยสารเอกชนร่วมบริการให้มีประสิทธิภาพ
1.3 ยุทธศาสตร์เพิ่มคุณภาพ โดยจัดให้มีระบบควบคุมและจัดการเดินรถที่มีประสิทธิภาพ
โดยแผนฟื้นฟูที่กระทรวงคมนาคมเสนอต่อคณะกรรมการ กนร. ในครั้งนี้ คณะกรรมการ กนร. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด คือ
1. คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ 2 คณะอนุกรรมการนโยบายการจัดหารถโดยสาร
2. ความคืบหน้าการจัดทำแผนปรับบทบาท (พลิกฟื้น) ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การสะพานปลา องค์การคลังสินค้า องค์การตลาด องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด
- องค์การตลาด (อต.) อยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ฯ โดยจะดำเนินการเพิ่มบทบาทของตลาด 5 แห่งทั่วประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าชุมชนและปัจจัยผลิตทางการเกษตร นอกจากการเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าบริโภคและอุปโภคโดยทั่วไป
- องค์การคลังสินค้า (อคส.) ขณะนี้แผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟูฐานะทางการเงินและทบทวนของ อคส. อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ก่อนนำเสนอ กนร. ต่อไป โดยแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะเน้นไปที่การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจคลังสินค้าและบริการสินค้าเกษตรครบวงจร และปรับเปลี่ยนบทบาทจากผู้ประสานงานด้านสินค้าเกษตรเป็นผู้จำหน่ายไปยังผู้บริโภคโดยผ่านช่องทางผู้ค้าส่ง ร้านค้าพันธมิตร หรือตัวแทนจำหน่ายประจำจังหวัดทั่วประเทศ
- องค์การตลาดเพื่อการเกษตรกร (อ.ต.ก.) ในการประเมินผลการดำเนินงานประจำปี 2555 สคร. ได้กำหนดให้ อ.ต.ก. ทบทวนแผนปรับบทบาทและปรับปรุงแผนปรับบทบาท (พลิกฟื้น) อ.ต.ก. ปีบัญชี 2555-2558 และจัดทำแผนปฏิบัติการ ประจำปีบัญชี 2556 โดยเพิ่มประเด็นที่ทบทวน คือ การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล การพัฒนากิจการค้าเพื่อเพิ่มช่องทางการหารายได้ให้แก่องค์กร และการบริหารจัดการด้านการเงินขององค์กร โดยขณะนี้ อตก. ได้ดำเนินการปรับปรุงแผนการปรับบทบาทแล้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ สคร. ร่วมกับ อตก. นำเสนอแผนต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อนำเสนอ กนร พิจารณาอีกครั้ง
- องค์การสะพานปลา (อสป.) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2534 เรื่อง การพิจารณาย้าย อสป. เพื่อให้ อสป. สามารถพัฒนาโครงการสะพานปลากรุงเทพตามแผนที่วางไว้โดยต้องนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินโครงการต่อไปด้วย ทั้งนี้ อสป. ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางดำเนินการโครงการพัฒนาสะพานปลากรุงเทพ เพื่อทำหน้าที่เจรจากับกรมธนารักษ์ในเรื่องการต่อสัญญาเช่าระยะยาว (๓๐ ปี) และเจรจาร่วมกับสำนักงานตลาดกรุงเทพมหานครหรือหน่วยงานอื่นๆ เพื่อหารูปแบบการดำเนินงานและการลงทุนที่เหมาะสม
- องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้ดำเนินการจัดทำแผนวิสาหกิจ ประจำปี 2555-2559 และแผนปฏิบัติการประจำปี 2555 แล้วเสร็จ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ อ.ส.ค. เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2554 แล้ว ทั้งนี้เนื่องจากเหตุอุทกภัยในปลายปี 2554 ส่งผลกระทบให้ อ.ส.ค. มีรายได้ค่าใช้จ่าย และกำไรสุทธิ ในปีงบประมาณ 2555 ลดลง ดังนั้น อ.ส.ค. จึงต้องปรับเป้าหมายประมาณการงบกำไรขาดทุน ซึ่งขณะนี้ อ.ส.ค.ได้จัดส่งแผนวิสาหกิจ ประจำปี 2555-2559 และแผนปฏิบัติการประจำปี 2555 ให้ สคร. พิจารณา
- บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด (บอท.) มติที่ประชุมกนร. ครั้งที่ 1/2555 เห็นควรให้ บอท. ศึกษาแผนธุรกิจเพิ่มเติม ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการร่วมมือกับภาคเอกชนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ บอท. และในส่วนของลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย โดยให้กำหนดแผนการดำเนินการประมาณการทางเงินที่ชัดเจน ตลอดจนแนวทางการจัดการพื้นที่สถานประกอบการเดิม(ยานนาวา) ให้มีความเสี่ยงที่น้อยลง และการพิจารณาการพัฒนาพื้นที่สถานที่ประกอบการเดิม (บริเวณยานนาวา) ให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา นั้น หากมีความเหมาะสมทางการเงิน และมีความเป็นไปได้ทางธุรกิจ บอท. ก็ไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการตามทางนี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการ กนร ได้มีมติรับทราบการยุติบทบาท บริษัท ไทยเดินเรือทะเล จำกัด (บทด.) โดยการยุบเลิกตามที่คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2555 ที่มีมติรับทราบและเห็นชอบตามผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพาณิชยนาวี ครั้งที่ 1/2554 เนื่องจาก บทด. ไม่มีเรือในความครอบครอง และไม่มีธุรกรรมการเดินเรือใดๆ ประกอบกับธุรกิจที่เอกชนสามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี รัฐจึงไม่มีความจำเป็นต้องให้บริการในธุรกิจดังกล่าวทั้งนี้ สคร. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนร. จะนำเสนอผลการประชุม กนร. ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป