กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Insurer Financial Strength (IFS)) ทั้งสากลและในประเทศ ของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (MTL) ที่ ‘BBB+’ และ ‘AA+(tha)’ ตามลำดับ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของผลการดำเนินงาน ความแข็งแกร่งของเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการตลาดของ MTL รวมทั้งระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังคำนึงถึงการให้การสนับสนุนด้านการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องจากผู้ถือหุ้นของ MTL ซึ่งได้แก่ Ageas Insurance International N.V. (Ageas) (อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ (IDR) ที่ ‘BBB+’ แนวโน้มเป็นลบ) และ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK (อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ (IDR) ที่ ‘BBB+’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย
ในช่วง ไตรมาสแรกของปี 2555 รายได้ของบริษัทซึ่งโดยหลักประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยและรายได้จากการลงทุน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ยต่อปีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.4% เทียบกับ 2.8% ในปี 2554 ฟิทช์คาดว่าการเติบโตของรายได้จะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในปี 2555 เนื่องจากกลยุทธ์ในการให้บริการผ่านช่องทางที่หลากหลาย การขายประกันผ่านเครือข่ายสาขาของ KBANK และกลุ่มตัวแทนประกันของบริษัทที่มีอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนน่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัวสำหรับระยะเวลาที่เหลือของปี หลังจากที่มีการปรับตัวลดลงตามการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดในไตรมาสที่ 4 ปี 2554 และไตรมาสที่ 1 ปี 2555 ความเสี่ยงในระยะสั้นน่าจะมาจากภาวะความผันผวนของตลาดหุ้นเนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ระดับเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดยระดับเงินกองทุนตามกฎของประเทศไทยในการกำกับความเสี่ยงด้านเงินกองทุน (Risk-based capital - RBC) อยู่ที่ 344% ขณะเดียวกันบริษัทยังคงดำเนินกลยุทธ์ในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยสินทรัพย์ประเภทผลตอบแทนคงที่ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งรวม พันธบัตร หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน และตั๋วสัญญาใช้เงิน มีสัดส่วนประมาณ 80% ของสินทรัพย์ลงทุนรวม ซึ่งรวม เงินสด เงินให้สินเชื่อ และเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ส่วนการลงทุนในตราสารทุนและตราสารสกุลเงินต่างประเทศ ยังมีสัดส่วนที่ไม่สูงนักและมีการป้องกันความเสี่ยงไว้อย่างครบถ้วน ขณะเดียวกันส่วนต่างระหว่างระยะเวลาครบกำหนดของสินทรัพย์และหนี้สิน ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง นอกจากนี้ MTL ยังมีความยืดหยุ่นทางด้านการเงินสูง เนื่องจากบริษัทไม่มีหนี้สินและยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้ในระยะสั้นถึงปานกลาง
ความเป็นไปได้ที่อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (IFS) ทั้งสากลและในประเทศ จะได้รับการปรับเพิ่มมีไม่มากนักในระยะปานกลาง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศ (Local Currency Rating) ของประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่ ‘A-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ในทางกลับกัน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (IFS) ทั้งสากลและในประเทศ อาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะเงินกองทุนของบริษัทปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมาก โดยมีระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎ RBC ลดลงต่ำกว่า 180% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง นอกจากนี้หากความแข็งแกร่งของเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ และความสามารถในการทำกำไรลดน้อยลงเนื่องจากการใช้กลยุทธ์ในการเติบโตในเชิงรุก อาจทำให้เกิดผลในทางลบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท