กรุงเทพฯ--13 มิ.ย.--เวเบอร์ แชนวิค
เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศเดินสายการผลิตเชฟโรเลต สปิน รถอเนกประสงค์เอ็มพีวี 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ที่ศูนย์การผลิตเบกาซี ในเขตชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ต้นปี 2556 เป็นต้นไป
มร.แดน เอเคอร์สัน ประธานใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ประกาศการผลิตรถเชฟโรเลต สปิน ที่อินโดนีเซีย ระหว่างการประชุมประจำปีที่เมืองดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคำประกาศที่ต่อเนื่องมาจากเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วที่จีเอ็มระบุว่าจะทุ่มเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท (150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ในการเดินเครื่องศูนย์การผลิตเบกาซี ซึ่งมีพื้นที่ 110,000 ตารางเมตรในอินโดนีเซียอีกครั้ง โดยมีศักยภาพการผลิตรถในช่วงเริ่มต้นได้สูงถึง 40,000 คันต่อปี และจะสร้างตำแหน่งงานใหม่ได้มากกว่า 800 ตำแหน่ง
มร. มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เชฟโรเลต สปิน ซึ่งจะออกทำตลาดที่กำลังเติบโตของอินโดนีเซีย ได้รับการพัฒนาบนความสำเร็จที่ยาวนานร่วมศตวรรษของเชฟโรเลต ในการผลิตรถที่เหนือกว่าความต้องการและความปรารถนาของลูกค้า
“สปิน มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ประหยัด และอเนกประสงค์สไตล์รถเอ็มพีวีขนาดเล็ก เป็นรถรุ่นแรกในเซกเมนท์นี้ที่ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มาพร้อมราคาจำหน่ายที่พอเหมาะ และที่สำคัญทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้” มร.แอพเฟล กล่าว
เบาะที่นั่งของเชฟโรเลต สปิน สามารถปรับเปลี่ยนให้รองรับได้ทั้ง 5 หรือ 7 ที่นั่ง สปิน ตอบสนองทุกรูปแบบใช้งาน มีสมรรถนะในแบบรถยนต์นั่ง มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระกว้างขวาง และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเยี่ยม ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกเน้นดีไซน์ที่ดูแข็งแกร่ง ตัวถังกว้างสไตล์เอสยูวี ในห้องโดยสารออกแบบด้วยแนวคิดมอบความคุ้มค่าเหนือระดับ ด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดมาตรฐานเดียวกับรถระดับพรีเมียม
มร.แอพเฟล กล่าวว่า “อินโดนีเซีย ตื่นเต้นที่เป็นหนึ่งในประเทศแรกในโลกที่ได้แนะนำเชฟโรเลต สปิน รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถที่ผลิตโดยคนอินโดนีเซีย เพื่อชาวอินโดนีเซียทุกคน และสปิน จะเป็นรถที่ประเทศอินโดนีเซียภาคภูมิใจ”
“การตัดสินใจเปิดศูนย์การผลิตเบกาซีอีกครั้งนั้น ตอกย้ำพันธกิจของจีเอ็มในการรักษาศูนย์การผลิตอันแข็งแกร่งในอินโดนีเซีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับการผลิตยานยนต์ระดับโลกที่ลูกค้าต้องการจับจอง นับเป็นหนึ่งในการดำเนินกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้” มร.แอพเฟล กล่าว