สายการบินเอมิเรตส์ประกาศผลกำไรต่อเนื่องเป็นปีที่ 24

ข่าวท่องเที่ยว Thursday June 14, 2012 15:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ - บริษัทในเครือเอมิเรตส์ มีผลกำไรสุทธิ 629 ล้านเหรียญสหรัฐ - สายการบินเอมิเรตส์ทำสถิติยอดผู้โดยสารสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 34 ล้านราย - เพิ่มเป้าหมาย 11 แห่ง และ เครื่องบิน 22 ลำ - ดนาต้าสร้างผลกำไรสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 220 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทในเครือเอมิเรตส์ได้แถลงผลกำไรซึ่งต่อเนื่องมาปีนี้เป็นปีที่ 24 รวมทั้งการเจริญเติบโตของบริษัทในเครือทุกๆส่วนถึงแม้ต้องเผชิญกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่สั่นคลอนและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมา รายงานผลประกอบการปี 2554-2555 ของบริษัทในเครือเอมิเรตส์แสดงผลกำไรสุทธิมูลค่ากว่า 629 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยดนาต้าสร้างสถิติยอดกำไรสูงสุดในรอบ 52 ปี ถึงแม้ว่ามีปัจจัยอันหลากหลายที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน แต่บริษัทในเครือเอมิเรตส์กลับสร้างรายได้ที่สูงถึง 18.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 17.8 โดยมียอดเงินสดคงเหลือที่เติบโตขึ้นร้อยละ 9.5 จากปีก่อนหน้าเป็นมูลค่ากว่า 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐด้วยกัน “ความสำเร็จของเราในปีที่ผ่านมาด้วยยอดผลกำไรต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ปี และผลประกอบการที่ดีขึ้นในทุกๆปี ถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาในวงการนี้” ชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือ กล่าว “ตลอดช่วงปีงบประมาณ 2554-2555 ที่ผ่านมา บริษัทในเครือเอมิเรตส์ได้มีการลงทุนเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้เราดึงดูดลูกค้ารายใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังเสริมสร้างความแข่งแกร่งของเราในวงการระดับนานาชาติ การเจริญเติบโตทางธุรกิจไม่ใช่เรื่องของโชคแต่เป็นผลลัพธ์จากการลงทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทุกๆเดียร์แฮมที่เราได้รับถูกนำกลับไปใช้พัฒนาธุรกิจ ด้วยวิสัยทัศน์เช่นนี้เองที่ทำให้เครือเอมิเรตส์สามารถสร้างผลกำไรที่น่าชื่นชมได้ตลอดมา” ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เครือเอมิเรตส์ยังคงเดินหน้าลงทุนและขยายฐานพนักงานเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 10 ในช่วงปีงบประมาณล่าสุด สายการบินเอมิเรตส์ได้รับมอบเครื่องบินลำใหม่กว่า 22 ลำ เป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการสนับสนุนทางการเงินจากโครงสร้างที่แข็งแกร่ง พร้อมกันนั้นสายการบินได้เปิดให้บริการเพิ่มเติมไปยัง 11 เป้าหมายใหม่ โดยขณะนี้ให้บริการไปยัง 34 เมืองทั่วโลก ทำลายสถิติของทุกๆสายการบิน “การที่เราต้องต่อสู้กับอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่มั่นคง พร้อมทั้งยอดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงที่สูงกว่าทุกๆปีเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับการประคับประคองผลประกอบการและยอดกำไรให้ยังคงแข็งแกร่งอย่างที่เป็นมา สมรรถภาพในการรักษาและพัฒนาความสำเร็จไปอีกขั้นของเราจึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าเรามีความเข้าใจในความต้องการของตลาดทุกๆแห่งในเครือข่ายอย่างลึกซึ้ง” ชี้ค อาเหม็ด กล่าวเสริม ดนาต้ายังคงยึดหลักการเข้าซื้อธุรกิจเนื่องจากประสบผลสำเร็จมาแล้ว ในครั้งนี้ดนาต้าได้เข้าซื้อธุรกิจนำเที่ยวออนไลน์ บริษัท Travel Republic Ltd และ เข้าเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 50 ของ Wings Inflight Services ในประเทศแอฟริกาใต้ ทั้งนี้รายงานผลประกอบการประจำปี 2554-2555 ชี้ให้เห็นว่าร้อยละ 55 ของรายได้ทั้งหมดของดนาต้ามาจากธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปีก่อนหน้า ในปีงบประมาณ 2554-2555 สายการบินเอมิเรตส์ ต้องเผชิญกับยอดชำระค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 44.4 เป็นมูลค่า 6.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 24 ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 สายการบินจึงพยายามประคับประคองค่าใช้จ่ายและรายรับที่ไม่สมดุลเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี จนกระทั่งสายการบินมีความจำเป็นต้องคิดค่าธรรมเนียมน้ำมันกับผู้โดยสาร นอกจากอุปสรรคเรื่องราคาน้ำมันที่พุ่งสูงแล้ว การบริการในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางการเมืองในพื้นที่ดังกล่าว สายการบินเอมิเรตส์จึงต้องปรับการดำเนินงานรวมถึงจำนวนผู้โดยสารและตารางการบินเพื่อรักษาผลกำไรให้ได้ “ศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารของสายการบินเอมิเรตส์มีการเติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อวัดจากปริมาณการผลิตผู้โดยสาร (Available Seat Kilometres) ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา สายการบินจึงได้ทำหน้าที่เชื่อมโยงทั้งผู้คนและการติดต่อค้าขายในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เราได้รักษาตำแหน่งผู้นำในวงการการบินมาเป็นเวลานานและยังคงยึดหลักการองหาช่องทางๆใหม่เพื่อพัฒนาธุรกิจของเราต่อไป” ชี้ค อาเหม็ด กล่าว “เราเดินหน้าเข้าสู่ปีใหม่ด้วยความพร้อมและความมุ่งมั่นที่จะรักษาระดับการดำเนินการไม่ว่าต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่สั่นคลอนเพียงใดก็ตาม เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าปัจจัยหลักที่นำมาซึ่งความสำเร็จในวงการนี้คือความมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพอย่างไม่ลดละ เราจึงไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ” “ทั้งนี้เราเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าไม่มีคำว่าดีพอแล้ว ทุกอย่างสามารถพัฒนาให้ดีได้ยิ่งๆขึ้นไป ความคาดหวังและความต้องการในลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้เราเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยพนักงานศักยภาพสูงจากทั่วทุกมุมโลกจำนวนกว่า 63,000 ราย เรามั่นใจว่าผลการดำเนินงานของเราต้องดียิ่งขึ้นไปในทุกๆปี” เอมิเรตส์ สร้างยอดรายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 17 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 14.9 ถึงแม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นในปี 2554-2555 แต่ด้วยยอดค่าน้ำมันที่พุ่งสูงจึงทำให้ผลกำไรถึงร้อยละ 72.1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 หรือปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจาก 0.077 เป็น 0.083 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่สภาพทางเศรษฐกิจรอบโลกอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยแข็งแรง จำนวนที่นั่งระดับพรีเมียมกลับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอีกร้อยละ 1.9 โดยอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นสำหรับเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A380 ของสายการบินเอมิเรตส์แสดงให้เห็นว่าความต้องการของผู้โดยสารมุ่งหน้าไปในทิศทางใด ด้วยจำนวนเครื่องบินอีก 232 ลำ มูลค่ารวมถึง 84 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่ยังรอรับมอบ บวกกับปริมาณผู้ดดยสารที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละประเทศทั่วโลก สายการบินเอมิเรตส์จะเป็นอีกแรงผลักดันที่ช่วยส่งเสริมสภาพทางเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา เอมิเรตส์ได้รับมอบเครื่องบินลำใหม่ทั้งหมด 22 ลำ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777-300ER 14 ลำ โบอิ้ง 777F 2 ลำ และ เครื่องบินรุ่นแอร์บัส A380 6 ลำ นับว่าเป็นการรับมอบเครื่องบินจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกันนั้น สายการบินเอมิเรตส์ได้เปิดให้บริการใน 11 เป้าหมายใหม่ในปีที่ผ่านมา เน้นโปรโมทเป้าหมายในภูมิภาคอเมริกาเหนือ และ อเมริกาใต้เป็นพิเศษ โดยเปิดตัวการบริการใน รีโอ เดอ จาเนโร บัวโนส ไอเรส ซีแอทเทิล และ ดัลลาส-ฟอร์ท เวิร์ธ ในช่วงระหว่างเดือนมกราคมและมีนาคม 2555 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เอมิเรตส์ ได้เพิ่มปลายทางบินไปยัง 34 เมือง รวมทั้ง แมนเชสเตอร์ ฮัมบูร์ก แฟร้งค์เฟิร์ต? ฮ่องกง กาทูม ละฮอร์ และตูนิส สำหรับปี 2555-2556 สายการบินฯพร้อมเปิดให้บริการ 4 เส้นทางใหม่ใน โฮจิมินท์ บาร์เซโลนา ลิสบอน และวอชิงตันดีซี อีกด้วย ปลายทางบินสำหรับการให้บริการโดยเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A380 ในปี 2554-2555 ได้แก่ มิวนิค โรม เซี่ยงไฮ้ กัวลาลัมเปอร์ และ โจฮันเนสเบิร์ก ทำให้ปลายทางบินที่ให้บริการโดยเครื่องบิน A380 ทั้งหมดเป็น 17 แห่ง และในปีนี้ สายการบินฯจะให้บริการปลายทางบินใหม่อีก 3 แห่ง คือ เมลเบิร์น โตเกียว และอัมสเตอร์ดัม ปัจจุบัน สายการบินได้ทำการติดตั้งระบบ Wi-Fi บนเครื่องบิน A380 แล้วทั้งสิ้นจำนวน 20 ลำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารแก่ผู้โดยสารตลอดการเดินทาง นอกจากนั้น สายการบินเอมิเรตส์ได้เปิดให้บริการห้องรองรับผู้โดยสารที่สนามบินประจำ ซานฟรานซิสโก อิสตันบูล โคลัมโบ รวมทั้งห้องรองรับแห่งที่ 4 ในดูสนามบินประจำกรุงดูไบ รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 32 แห่งทั่วโลก เอมิเรตส์ยังได้เปิดให้มีการบริการรถรับส่ง (Chauffeur-drive) ในกรุงเทพฯ อีกด้วย รวมทั้งเพิ่มจำนวนรถ Mercedes E200 46 คันในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ในส่วนของเอมิเรตส์ สกายคาร์โก้ มียอดรายได้เพิ่มขึ้น 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 8.4 หน่วยงานการบริการเพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อน ของสายการบินเอมิเรตส์ (D&LM) มีรายได้ 66.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 จากปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 52 ปีที่ผ่านมา นับว่าปีพ.ศ. 2554-2555 ของดนาต้า เป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยการเติบโตจากปีที่แล้วสูงถึงร้อยละ 58.9 โดยมีรายได้เติบโต 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ กำไรโดยรวมพุ่งสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 222 ล้านเหรียญสหรัฐ ในส่วนค่าใช้จ่ายปฏิบัติการของดนาต้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 58.9 อยู่ที่ 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเกิดจากการเชื่อมโยงธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบของ Alpha Group (อัลฟา กรุ๊ป) ตลอดปีที่ผ่านมา นอกจากดนาต้าจะเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว ยังมีการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูสดชื่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรวมธุรกิจต่างๆในเครือดนาต้าให้อยู่ภายใต้การสื่อสารเดียวกัน โดยใช้ข้อความ “One Dnata” (“วัน ดนาต้า”) เพื่อปลูกฝังความเป็นหนึ่งเดียวกันในพนักงานจำนวนกว่า 20,000 คน ใน 39 ประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 บริษัทในเครือเอมิเรตส์และบริษัทย่อยมีบุคลากรทั้งหมด 63,000 คนจาก 160 สัญชาติทั่วโลก สามารถดูรายงานฉบับสมบูรณ์ของปีงบประมาณ 2554-55 ของบริษัทในเครือเอมิเรตส์ ซึ่งประกอบไปด้วยรายงานของสายการบินเอมิเรตส์ ดนาต้า และบริษัทย่อยต่าง ๆ ได้ที่ www.theemiratesgroup.com/annualresults ภาพประกอบ ภาพที่ 1: ชี้ค อาเหม็ด บิน ซาอิด อัล มัคตุม ประธานและผู้อำนวยการ สายการบินเอมิเรตส์และบริษัทในเครือ ภาพที่ 2: เอมิเรตส์ทำการรับมอบเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำที่ 1,000 ของโบอิ้ง ภายในงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นโดยโบอิ้ง ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนพฤษจิกายน 2554 ที่งานดูไบแอร์โชว์ (Dubai Air show) สายการบินเอมิเรตส์ได้ประกาศการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 777-300ER เพิ่มเป็นจำนวน 70 ลำ มูลค่ากว่า 26 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภาพที่ 3: ดนาต้า กับการปฏิบัติการภาคพื้นดิน ด้วยเครื่องบิน A380 ผลประกอบการประจำปี 2554-2555 ของดนาต้าประสบความสำเร็จที่สุดในรอบ 52 ปี เกี่ยวกับสายการบินเอมิเรตส์ สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเที่ยวบินมายังประเทศไทยมานานกว่า 21 ปี ปัจจุบันเอมิเรตส์ให้บริการจากกรุงเทพฯ สู่ดูไบ 28 เที่ยวบิน ไป-กลับต่อสัปดาห์, 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ฮ่องกง และ 7 เที่ยวบินไป-กลับต่อสัปดาห์สู่ซิดนีย์ และไครสต์เชิร์ช ปัจจุบันเอมิเรตส์เป็นสายการบินที่ให้บริการเครื่องบินขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกรุ่น A380 โดยมียอดการสั่งซื้อทั้งหมด 90 ลำ ทั้งนี้ สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการเครื่องบิน A380 จากกรุงเทพฯ สู่ดูไบและฮ่องกง สายการบินเอมิเรตส์ให้บริการครอบคลุมถึง 118 จุดหมายปลายทาง ใน 70 ประเทศ ปัจจุบันสายการบิน เอมิเรตส์มีฝูงบินที่ประกอบไปด้วยเครื่องบิน 169 ลำ และมีเครื่องบินอีก 236 ลำอยู่ระหว่างรอการส่งมอบ สกายเวิร์ด คือ โปรแกรมสะสมไมล์ของสายการบินเอมิเรตส์ที่ได้รับรางวัล สมาชิกสกายเวิร์ดทุกท่านสามารถสนุกสนานไปกับการซื้อสินค้าสินค้าใหม่ล่าสุดของเอมิเรตส์จาก เดอะ เอมิเรตส์ ไฮ สตรีท สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เดอะ เอมิเรตส์ ไฮ สตรีท เยี่ยมชมได้ที่ เวปไซต์ www.theemirateshighstreet.com. หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งกรุณาติดต่อ www.emirates.com/th หรือติดต่อสำนักงานสำรองที่นั่ง 02-664-1040

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ