กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--อพท.
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ในที่ประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนนโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ๒ ล้านล้านบาท ภายในปี ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
พันเอก ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เปิดเผยว่า “ท่านนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมว่าจะเป็นเรื่องที่น่าดีใจหรือเสียใจ ที่ประเทศไทยได้รับการโหวตรางวัล Value for Money อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะหมายถึงประสบการณ์อันทรงคุณค่าที่นักท่องเที่ยวจะได้รับในราคาที่คุ้มค่าเงินก็ตาม ในเมื่อประเทศเรามีราคาสินค้าทางการท่องเที่ยวต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ในขณะที่เราต้องการดึงเงินจากกระเป๋านักท่องเที่ยวออกมามากๆ ต้องการให้มีวันพักเฉลี่ยในประเทศเพิ่มขึ้น เพราะเราไม่ต้องการจะเน้นจำนวนมหาศาลของนักท่องเที่ยว แต่เราต้องการนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังจ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางดำเนินงานของ อพท. ที่รณรงค์ให้ยกเลิก “เที่ยวไทยเพราะราคาถูก” หรือ Value for Money มาโดยตลอด โดยเน้นสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยในแหล่งท่องเที่ยวที่ อพท. ได้ประกาศเป็นพื้นที่พิเศษแทน เพื่อที่จะเสริมคุณค่าอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้มีมูลค่าทางการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น จึงขอเสนอว่าให้ไทยเราหันมาสร้างจุดแข็งนี้ และใช้กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์เทรนด์การท่องเที่ยวใหม่ๆ ว่าเรามีจุดแข็งที่จะรองรับตลาดนักท่องเที่ยวโลกกลุ่มใหม่ๆ ได้ ทั้งกลุ่มใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลุ่มใส่ใจด้านสุขภาพ กลุ่มเน้นความสุขด้านคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตที่ดี กลุ่มสนใจศาสนาและปรัชญา โดยใช้แนวทางการท่องเที่ยวแบบละเลียดทัวร์ หรือ Slow Travel เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวมีความต้องการที่จะเพิ่มวันพักค้างคืนในแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อคนต่อวันก็จะเพิ่มขึ้นด้วย”
ด้าน นายธเนศ วรศรัณย์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวสนับสนุนนโยบายยกเลิก “เที่ยวไทยเพราะราคาถูก” ของนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันตัวเลขการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างปี ๒๕๔๓-๒๕๕๔ ว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง ๒๐๑% ขณะที่รายได้ต่อคนต่อวันเพิ่มขึ้นเพียง ๖% เพราะปัญหาของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเกิดจากราคาสินค้าและบริการต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ขาดแคลนแรงงานในระดับปฏิบัติการ ขาดแผนปฏิบัติการในแต่ละกลุ่มพื้นที่ของราชการ ภาคเอกชนจึงไร้ทิศทางการลงทุนและการพัฒนาสินค้าที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายสร้างรายได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวจากทั้งในและนอกประเทศ ให้เพิ่มขึ้นเป็น ๒ ล้านล้านบาท ภายในปี ๒๕๕๘ โดยมีนโยบายปรับโครงสร้างภาคการท่องเที่ยว ๖ ข้อ คือ
๑. พัฒนา บูรณะ และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเดิม และส่งเสริมการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในเชิงกลุ่มพื้นที่ที่มีศักยภาพ
๒. ยกระดับมาตรฐานบริการด้านการท่องเที่ยว ปรับปรุงการบริการภาครัฐเพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ
๓. ส่งเสริม สนับสนุนตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ
๔. ส่งเสริมกิจกรรมและรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางการท่องเที่ยว
๕. ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ป้องกันแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาสู่ความยั่งยืน
๖. ส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยว
พันเอก ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท ผู้อำนวยการ อพท. กล่าวเสริมอีกว่า “จากนโยบายปรับโครงสร้างภาคการท่องเที่ยว ระบุไว้ชัดเจนว่าจะต้องส่งเสริมสนับสนุนตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ โดยส่งเสริมกิจกรรมและรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มทางการท่องเที่ยวในเชิงกลุ่มพื้นที่ แล้วสิ่งที่จะสร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับประเทศไทยได้มากที่สุดก็คือ ศิลปะวัฒนธรรมประเพณีของไทยเรา ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ของโลก ได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากเป็นจุดแข็งของประเทศไทย”