กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความพร้อมที่จะจัดตั้งกองทุนพยึงหุ้น หากตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจจากประเทศในยูโรโซน ซึ่งในอดีตเมื่อปี 2545-2546 ก็ได้มีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวขึ้น โดยให้ร่วมกับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งรวมเงินของกองทุนเกือบ 1 หมื่นล้านบาท แต่ในครั้งนี้หากเกิดเหตุการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง ก็เชื่อว่าเม็ดเงินที่จะมาจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้นก็จะมากกว่าครั้งที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นได้มีดารหารือกับนักลงทุนสถาบันไปบ้างแล้ว โดยรายละเอียดของขึ้นตอนนักลงทุนสถาบันก็ได้รับทราบเป็นอย่างดี เพราะได้เคยปฏิบัติไปทำให้กลไลการอนุมัติวงเงินจึงทำได้ไม่ยากนัก แต่การปฏิบัติรัฐบาลจะพยายามเข้าไปเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด เพราะเป็นเรื่องของเอกชนที่ต้องดำเนินการเพราะในการจัดตั้งกองทุนในครั้งที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันก็คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเข้าไปดูแลตลาดหุ้นไทย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ในด้านของเสถียรภาพของราคาหุ้นและผลตอบแทนการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน
"ขณะนี้กำลังประเมินอยู่ว่าไทยกำลังจะได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจยุโรปอย่างไรบ้าง ซึ่งมาตรการที่ได้เคยดำเนินการมาแล้วในอดีต ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่มาตรการใดที่ไม่เคยทำก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าควรทำหรือไม่"
"โดยมาตรการกองทุนพยุงหุ้นก็มองว่าสามารถดำเนินการได้ทันที ซึ่งรัฐบาลก็มีความพร้อมที่จะจัดตั้งกองทุนหากตลาดหุ้นไทยตก ซึ่งการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยในรอบก่อนก็ยังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจ แต่ในรอบนี้หากเกิดขึ้น ก็คงจะจัดตั้งกองทุนได้ในไม่กี่วัน เพราะในช่วงที่ผมเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ปี 2545-2546 ก็ได้มีการตั้งกองทุนพยุงหุ้นโดยร่วมกับนักลงทุนสถาบัน ดังนั้นหากจะจัดตั้งกองทุนแล้วก็พร้อม เพราะที่ผ่านมามีการคุยกับนักลงทุนสถาบันไปบ้างแล้ว ซึ่งผมมองว่ามองตาก็รู้ใจแล้ว" นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะยังไม่ปรับตัวลงแรง เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง รวมไปถึงการดำเนินงานของบริษัทจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถรับมือวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปได้เป็นอย่างดี