กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ปิดกล้องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แบบเต็มเนื้อเต็มตัวครั้งแรกในชีวิตของ “แดน วรเวช ดานุวงศ์” ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในแวดงวงบันเทิงมาเกือบครบทุกด้าน ทั้งในฐานะนักร้อง, นักแสดง, นักแต่งเพลง, นักเขียน, โปรดิวเซอร์ ฯลฯ ชนิดที่ว่าตลอด 12 ปีมีความฝันตลอด และฝันครั้งล่าสุดของเขาคือได้ทำหนังที่ตัวเองรัก ซึ่งแน่นอนว่างานนี้เจ้าตัวยอมรับว่างานกำกับภาพยนตร์เป็นงานที่เหนื่อยมาก ดึงพลังงานในตัวของเขาออกไปแทบหมดตัวชนิดที่ว่าทุกวันที่กลับจากกองถ่ายไม่ต้องทำกิจกรรมใดๆ เพิ่มเติมเลยเว้นเสียแต่การสลบไสลไปบนเตียงนอน เพื่อชาร์จไฟให้ตัวเองก่อนที่จะต้องตื่นตี 5 ตะลุยกองถ่ายต่อ และเป็นอย่างนี้ตลอดระยเวลา 4-5 เดือนที่ชีวิตผูกผันกับการถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปก็เกือบ 3 ปีที่หนุ่มแดนตัดสินใจว่าจะขอทุ่มเทไอเดียความคิดทั้งหมด สานฝันการเริ่มต้นทำงานในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์จนตัดสินใจศึกษา เรียนรู้ วิธีการขั้นตอนต่างๆ ในการกำกับภาพยนตร์ รวมไปถึงตะลุยกำกับมิวสิควิดีโอ และกำกับภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ “บันทึกกรรม” และใช้เวลา1ปีในการเขียนบทภาพยนตร์ในแนว HAPPY COMEDY ROMANTIC เรื่อง “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” ขึ้นมา โดยงานนี้ยอมแลกกับการหยุดทำงานเพลงอีกหนึ่งงานที่ตนรักเพื่อมาสานฝันในงานกำกับภาพยนตร์แบบเต็มๆ ตัว
“ปิดกล้องแล้วครับ ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งความฝันที่แดนเต็มที่และตั้งใจมากๆ ก็คิดมาแล้วว่าอยากทำงานในส่วนตรงนี้ก็ 3-4 ปีมาแล้ว ก็ไปรวบรวมทักษะวิทยายุทธ์ (หัวเราะ) ฝึกปรือตั้งแต่กำกับมิวสิควิดีโอ ไปจนถึงลองกำกับภาพยนตร์บันทึกกรรมเพื่อที่ว่าวันที่เราทำหนังของเราเองเต็มๆ ตัวจะได้เห็นปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ก่อนที่จะไปลงสนามจริง ก็ใช้เวลาเขียนบทประมาณ 1 ปี แล้วก็ใช้เวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงต้นปีถ่ายทำก็ประมาณ 4-5 เดือน ตอนนี้หนังก็อยู่ในช่วงตัดต่อและเตรียมทำเนื้องานในส่วนโพสต์โปรดักชั่นต่อไป
ถามว่าแฮปปี้มั้ย ต้องบอกวาแฮปปี้มากๆ เพราะหลังจากที่ทำหนังเสร็จแล้วสิ่งที่ได้แน่ๆ คือความสุขที่เราได้ทำ ทำมันแล้วก็ได้งานออกมาอย่างที่เราต้องการนะครับ ก็ต้องบอกจริงๆ ว่าการทำงานแบบนี้เป็นการทำงานที่เหนื่อยมากนะครับ คือเราเคยกำกับ MV มา เราก็รู้ว่ามันเหนื่อยประมาณหนึ่ง ต้องบอกว่าแต่อันนี้มันเกินคาดมาก มันเหนื่อยแบบว่าหมดแรง หมดแรงจริงๆ ปิดสวิชต์เลย หนังเรื่องหนึ่งมันใช้พลังงานเยอะมาก พลังงานคน พลังงานใจ พลังงานสมองมากมาย แต่ก็ถือเป็นงานที่ดีนะครับ เป็นงานที่จุดประสงค์สุดท้ายของการสำเร็จชิ้นงานก็คือการสร้างความบันเทิงให้กับทุกคนที่ได้ดู เหนื่อยจริงๆ ครับ ผมก็เลยรักงานนี้มากๆ มันเป็นความสุขที่บอกไม่ถูกถึงแม้ว่าเราจะต้องยอมแลกกับการที่เราต้องหยุดเรื่องทำเพลง เบรกเรื่องทำอัลบั้มไปก่อนเลย เพราะต้องใช้สมาธิสูง โอเคเราอาจจะแต่งเพลงทำเพลงควบคู่ไปด้วยก็ได้ แต่ผมว่ามันจะออกมาไม่ดีที่สุด ผมก็เลยคิดว่าผมควรจะทำออกมาทีละชิ้นทีละอันดีกว่านะครับ ก็เลยเลือกที่จะมาทุ่มกับหนังก่อน ถามว่าคุ้มไหมกับการที่เราแลกมาคุ้มมากทำสุดพลังแล้วครับยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยแล้วกันนะครับ คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์ 9ส.ค.นี้ครับได้ดูกันแน่ๆ