กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย
เอ็นพีเอส เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2555 กำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เชื่อมั่นผลประกอบการแข็งแกร่งต่อเนื่อง เปิดจองหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุด 6.40 % ในวันที่ 27-28 มิ.ย.55 นี้ ที่กรุงไทยทุกสาขา
นายอภิชัย ซอปิติพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นพีเอส ในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,641.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกันกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น จำนวน 542.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.46 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.10 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2554 โดยอัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาสที่ 1 ปี 2554 และไตรมาสที่ 1 ปี 2555 อยู่ที่ร้อยละ 16.86 และร้อยละ 20.84 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่กำไรขั้นต้นและอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นมากเป็นผลมาจากราคาขายต่อหน่วยที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน และควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้าหนึ่งแห่งในกลุ่มจะอยู่ในช่วงเวลาหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผน (Major Overhaul) ซึ่งมีกำหนดดำเนินการทุกรอบ 4-6 ปี ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรอย่างมีนัยสำคัญ ส่งให้กำไรสุทธิสำหรับงวดปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจาก 136.59 ล้านบาท เป็น 188.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.19 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 และ 31 มีนาคม 2555 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 24,215.19 ล้านบาท และ 24,662.70 ล้านบาท ตามลำดับ
ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 9,934.00 ล้านบาท โดยเป็นทุนที่ออกและชำระแล้วรวมทั้งสิ้น 9,354.04 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 8 โรง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 493.15 เมกะวัตต์ โดยมีรายได้ที่มั่นคงจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาการรับซื้อไฟฟ้าระยะยาว 25 ปี และโรงงานอุตสาหกรรมในเขตอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งจำหน่ายไอน้ำให้กับดั๊บเบิ้ล เอ เพื่อใช้ในการผลิตเยื่อและกระดาษ ทำให้เอ็นพีเอสมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดตัวโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ จำนวน 2 แห่ง เป็นโรงไฟฟ้าประเภทชีวมวล ขนาดกำลังการผลิตรวม 225 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้าของประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขยายตัวของลูกค้าผู้ประกอบการในสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ซึ่งย้ายและขยายฐานผลิตมาจากพื้นที่อื่น อันเนื่องจากพื้นที่นี้ปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้กำลังผลิตรวมของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46% โดยโรงไฟฟ้าแห่งใหม่นี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตและเริ่มทยอยรับรู้รายได้ให้กับกลุ่มบริษัทได้ในปี 2556
ส่วนการออกหุ้นกู้ของบริษัทฯ นั้น นายอภิชัย กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ในวันที่ 27-28 มิถุนายน 2555 นี้ โดยได้แต่งตั้งธนาคารกรุงไทยเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ซึ่งหุ้นกู้นี้จะมีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นแบบขั้นบันได คือ ปีที่ 1 และปีที่ 2 จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 5.50% ต่อปี ปีที่ 3 จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 6.40% ต่อปี หรือเฉลี่ยเท่ากับ 5.78 % ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน วงเงินรวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2558 อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้อยู่ที่ BBB- แนวโน้มคงที่ จากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด ทั้งนี้หากปรากฎว่า มียอดจองซื้อหุ้นกู้เกินจำนวนที่กำหนดไว้ ก็จะพิจารณาเสนอขายหุ้นกู้สำรองเพิ่มเติมอีกในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท นักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา โทร.1551หรือสายด่วนนักลงทุนของเอ็นพีเอส โทร 1759 กด 9
สื่อมวลชนสัมพันธ์
โทร. 085 8352625 Fax : 02-6591368 Email: rugnapa_n@doublea1991.com, rugnapa@gmail.com