กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์
แม้ว่ามหาอุทกภัยครั้งใหญ่จะผ่านพ้นไปแล้วเกือบปี แต่ร่องรอยความเสียหายและการไร้ที่อยู่อาศัยยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ประสบภัย เพื่อร่วมฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัย มูลนิธิแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ชั้นนำ จึงร่วมกับ มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย สร้างบ้านหลังใหม่ แบ่งปันน้ำใจ…สู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ภญ.ทิพวรรณ จิตพิมลมาศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท แบ็กซ์เตอร์ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ชั้นนำ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีนโยบายจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างความแตกต่างอย่างมีความหมาย” โดยได้ดำเนินโครงการชีวิตสดใส สังคมไทยยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อมุ่งเน้นจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชนไทยอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง โดยในปี 2555 นี้ มูลนิธิแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และ โครงการชีวิตสดใส สังคมไทยยั่งยืน ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการหยิบยื่นความช่วยเหลือไปยังชุมชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม จึงร่วมกับ มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย บริจาคเงินเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ ให้เป็นกำลังใจกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 2 ครอบครัว ณ บ้านท่าดินแดง หมู่ 3 ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี โดยบ้านที่สร้างให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยในครั้งนี้ เป็นบ้านแฝดทรงสูง สามารถกันความร้อนได้ และประหยัดพลังงาน ที่สำคัญมีความคงทนต่อความชื้นสูง พร้อมรับมือกับน้ำท่วม
“เหตุการณ์น้ำท่วมผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่จะเห็นว่าปัจจุบันยังมีบ้านที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมที่ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกมาก หลายหน่วยงานก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะให้ความช่วยเหลือ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งบริษัทแบ็กซ์เตอร์ฯ โดยโครงการชีวิตสดใส สังคมไทยยั่งยืน รู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนช่วยให้ผู้ประสบภัย มีบ้านหลังใหม่ และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพิ่มคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะเด็กเล็กๆที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน” ภญ.ทิพวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ พื้นที่ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งนางจารุวรรณ โต๋วสัจจา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ต.สะแกกรัง กล่าวว่า “ตำบลสะแกกรัง มีทั้งหมด 300 ครัวเรือน ที่ผ่านมาชาวบ้านประสบปัญหาโดยน้ำจะท่วมทุกปี เนื่องจากอยู่ติดกับแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งชาวบ้านสามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อปีที่แล้วน้ำท่วมหนักมาก ทำให้เราไม่สามารถรับมือกับภาวะวิกฤตดังกล่าวได้ เมื่อน้ำลดลง เราจึงทำการสำรวจความเสียหายหมู่บ้าน พร้อมช่วยเหลือลูกบ้านในการยื่นขอเงินชดเชยจากรัฐบาล เพื่อให้ชาวบ้านได้นำเงินมาฟื้นฟูบ้านของตนเอง แต่เงินชดเชยที่ได้มานั้นไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมและฟื้นฟูบ้านให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ชาวบ้านจึงต้องทนอยู่กับสภาพบ้านที่เสียหายและทรุดโทรม จนกว่าจะมีหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่ความช่วยเหลือที่เข้ามาถึงชาวสะแกกรังในช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นถุงยังชีพ และชาวบ้านในพื้นที่ประสบอุทกภัยส่วนใหญ่มีรายได้ค่อนข้างต่ำ ไม่มีกำลังทรัพย์เพียงพอในการสร้างและซ่อมแซมบ้านของตนเองได้ การได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับผู้ประสบภัย จึงเป็นอีกหนึ่งพลังใจสำคัญสำหรับผู้ประสบภัย ให้มีแรงสู้ต่อไป
ขณะที่ ครอบครัวนางกาญจนา บัวสำลี อยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 3 ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี อาชีพขายผลไม้ หนึ่งในครอบครัวผู้ประสบภัยน้ำท่วม เล่าว่า ตนอยู่บ้านกับสามี และลูกชายอีก 2 คน อาศัยอยู่บ้านชั้นเดียว น้ำจึงท่วมมิดหลังต้องอพยพขึ้นไปอยู่บนหลังคาสังกะสี ตอนกลางวันหลังคาจะร้อนมาก ส่วนตอนกลางคืนอากาศเย็นมาก ลูกก็ร้องไห้ทุกวัน เมื่อมีเรือเข้ามาช่วยเหลือจึงย้ายไปอยู่ที่ศูนย์อพยพที่จังหวัด ช่วงระยะเวลา 3 เดือนกว่าที่น้ำท่วม ครอบครัวขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถไปขายผลไม้ได้ สามีจึงออกไปจับจรเข้ ร่วมกับชาวบ้านอีกหลายคนเพื่อขายคืนให้กับฟาร์มเลี้ยงจรเข้ จึงพอมีรายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวได้บ้าง หลังจากน้ำลดลง พบว่าบ้านเสียหายทั้งหลังไม่สามามารถเข้าอยู่ได้ แต่ก็ต้องเก็บกวาดเพื่อให้อาศัยอยู่ได้ไปก่อน และตอนนี้พอได้บ้านหลังใหม่ก็รู้สึกดีใจและมีความยินดีเป็นอย่างมาก เป็นบ้านทรงสูงด้วย คิดว่าครอบครัวคงจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแน่นอน
ด้าน ครอบครัวนายไกรสิทธิ์ เก่งสาริกิจ อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 3 ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี อาชีพรับจ้างก่อสร้าง หนึ่งในครอบครัวที่ได้รับบ้านหลังใหม่จากโครงการฯ เล่าว่า “ตอนน้ำท่วมสูงมาก เข้าบ้านไปถึงชั้น 2 ต้องอพยพไปอาศัยอยู่ท้องถนนและศูนย์อพยพ หลังน้ำท่วม บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง ฝาผนังหลุด โครงบ้านชำรุดเสียหายมาก บันไดพัง ไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ ต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวลูกสาว (นางกาญจนา บัวสำลี) ซึ่งบ้านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมเช่นกัน แม้ผมจะมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง แต่รายได้เราน้อยก็ไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนมาซื้อวัสดุซ่อมบ้านของตัวเอง จึงรับจ้างสร้างบ้าน ซ่อมบ้านให้แต่คนอื่นเค้า ตอนนี้กำลังจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว รู้สึกดีใจมาก ไม่คิดว่าจะเราจะมีบ้านเหมือนคนอื่น ไม่คิดว่าจะได้รับสิทธิ์นี้เหมือนคนอื่น ขอบคุณมูลนิธิแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล และทางโครงการที่ให้โอกาสผมและครอบครัวได้บ้านหลังใหม่ ที่สำคัญจะได้ไม่ต้องอาศัยเบียดเสียดกับครอบครัวลูกสาวอีก
งานนี้เรียกว่า อิ่มใจทั้งผู้ให้ สุขใจทั้งผู้รับ กับอีกหนึ่งโครงการดีๆ ชีวิตสดใส สังคมไทยยั่งยืน