พ.ญ บุษยา เตชะเสน กับ PINN SHOP DIY Hobby Craft ในหมวดเย็บปักถักร้อย ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด

ข่าวทั่วไป Friday July 2, 2004 14:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--พีอาร์ เน็ตเวิร์ค คอนซัลแตนท์
PINN SHOP เป็นรูปแบบธุรกิจร้านสะดวกซื้อสินค้าแบบ DIY Hobby Craft ในหมวดเย็บปักถักร้อย ที่ผ่านการคัดสรรสินค้ามาเป็นอย่างดี ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด เพื่อให้สินค้าหมุนเวียนโดยรวดเร็ว PINN SHOP จึงแตกต่างจากร้านแบบครบวงจร ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะคุ้มทุน และยากในการบริหารสินค้าคงคลัง
โดยมีการจัดตกแต่งร้านอย่างมีดีไซน์ รวมถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมการขายต่าง ลักษณะดีไซน์ Product ของร้าน “ภิญญ์” จะมีครอสติช ลูกปัด นิตติ้ง โคร์เชต์ พวกเย็บปักถักร้อย ซึ่ง ภิญญ์ (PINN) จะผลิตเอง จุดแข็งของ ภิญญ์ (PINN) คือ Design และ Technology พร้อมทีมดีไซเนอร์ที่มีความสามารถสูง แข่งขันได้ในระดับโลก และมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้การออกแบบการผลิต รวมทั้งการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนในวงการงานฝีมือ ภิญญ์ (PINN) ถือว่าเป็นผู้ที่สามารถผสมผสานเทคโนโลยี และศิลปะให้เข้ากันได้อย่างลงตัว
ประกอบกับมีวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี มีความพิถีพิถันทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้สินค้าทุกชิ้นภายใต้ชื่อ ภิญญ์ (PINN) เป็นสินค้าคุณภาพระดับมาตรฐานสากล และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้ ภิญญ์ (PINN )มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน PINN SHOP จึงมีสาขาถึง ถึง 27 สาขาทั่วประเทศ โดย 17 สาขา เป็นร้านของเฟรนไชส์ ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่าชื่อ ภิญญ์ ( PINN) และไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่งผลกำไรให้ ภิญญ์ (PINN) แต่จะมีเงื่อนไขที่ว่าสินค้าในร้านจะต้องเป็นแบรนด์ของ ภิญญ์ ( PINN) ทั้งหมด มีลักษณะคล้าย Franchise Business ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับการดูแลสนับสนุนโดยตรงจากบริษัทฯ
พ.ญ บุษยา เตชะเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ตแอนด์เทคโนโลยี จำกัด ผู้สร้างแบรนด์ PINN SHOP จนเป็น DIY Hobby Craft ในหมวดเย็บปักถักร้อย อันดับหนึ่งของประเทศในวันนี้ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า
60 % เล่าถึงเส้นทางการสร้างแบรนด์ กว่าจะมาเป็น PINN SHOP DIY Hobby Craft ในหมวดเย็บปักถักร้อย ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุดในวันนี้ ของเธอว่า
“ดิฉันเป็นคนหาดใหญ่ ครอบครัวค้าขาย ทำให้ดิฉันรู้จักการทำธุรกิจมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ต่อจากนั้นก็มาเรียนแพทย์ที่เชียงใหม่ แล้วเรียนต่อด้านจักษุแพทย์ หลังจากจบจักษุแพทย์ก็ได้เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่เชียงใหม่1ปี ก็ลาออก เพื่อมาช่วยสามีคือคุณหมอจิม (นายแพทย์ ภานุฑัต เตชะเสน) ทำซอฟแวร์ ตอนนั้นยังไม่ได้ทำร้าน ภิญญ์ ( PINN ) นะคะ”
จุดเริ่มต้นของร้าน”ภิญญ์” ( PINN) มาจาก
“ตอนนั้นมีแอร์พอร์ตพลาซ่าเปิดแห่งแรกที่เชียงใหม่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คือปี 2535 แล้วทางนั้นมาจ้างคุณหมอจิมเขียน SoftWare Directory เมื่อดิฉันเข้าไปดูที่พลาซ่า ก็เลยเห็นว่าพลาซ่าแห่งนี้น่าสนใจ เลยตัดสินใจเข้าไปเปิดร้าน GiftShop ที่นั่น แล้วเผอิญช่วงที่เปิดร้านคุณหมอจิมเขียน SoftWare ขึ้นมาตัวหนึ่ง
เนื่องจากดิฉันได้ไอเดียมาจากการที่คุณแม่ของหมอจิมชอบปักครอสติส เลยมีความคิดว่าอยากปักครอสติสจากภาพถ่าย ภาพหน้าตัวเอง หรือภาพเพื่อนๆบ้าง เลยให้คุณหมอจิมเขียน SoftWare ตัวนี้ขึ้นมา เมื่อลองปักครอสติสออกมา ดูแล้วเหมือนรูปถ่ายมาก จึงตัดสินใจเปิดรับบริการด้านนี้ด้วย
ชื่อ “ภิญญ์” นี่ดิฉันตั้งตามชื่อของลูกสาว เพราะตอนนั้นการปักครอสติสกำลังเป็นที่นิยม เลยทำครอสติสแนว DIY (Do-It-Yourself) เป็นหลัก ซึ่งนอกจากการปักครอสติสจากภาพถ่ายแล้ว เรายังมีทีมยังดีไซน์แบบเองด้วย แต่เนื่องจากช่วงนั้นไม่มีดีไซเนอร์ที่เป็นคนไทย และการหาซื้อวัสดุการทำครอสติสก็ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นไหมหรือลายที่ใช้ปัก ก็มีแต่ลายที่มาจากต่างประเทศ
แถมในการซื้อวัสดุอุปกรณ์แต่ละครั้งก็ยุ่งยาก เพราะจะต้องมาหาซื้อถึงกรุงเทพฯ ที่ห้างตั้งฮั้วเส็งเท่านั้น ดิฉันจึงเห็นช่องว่างของตลาดว่า ในเมื่อยังไม่มีลายครอสติสที่เป็นแบบไทย ๆ และออกแบบโดยคนไทย แถมวัสดุก็หายาก จึงจัดทำครอส-ติสชุดสำเร็จรูปขึ้นมา คือจะเป็นอุปกรณ์การทำครอสติสแบบครบชุด ได้แก่ ผังลาย ผ้า ไหม เข็ม และวิธีทำ อยู่ในเซ็ทเดียวกัน โดยทางเราจะคำนวณผ้า ไหม ให้พอดีกับผังลายที่ลูกค้าเลือก
ในชื่อแบรนด์ ว่า ภิญญ์ ครอสติส ซึ่งก็เป็นเจ้าแรกของตลาด ที่ทำครอสติสชุดสำเร็จรูปขึ้นมา แล้วเราก็ตั้งราคาที่ไม่แพงคือ ราคาชุดละประมาณ 100 - 1,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลายและขนาดของรูปว่าใช้ไหมใช้ผ้ามากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ทำไม่เป็นแล้วสนใจปักครอสติส ทางร้านภิญญ์จะมีการสอนให้ฟรีทุกร้าน ซึ่งในการเรียนครอสติสใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็สามารถทำเป็นแล้วค่ะ
ปี 1996 ดิฉันตัดสินใจนำสินค้าส่งออกต่างประเทศ เนื่องจากตอนนั้นเราเปิดหน้าร้านไปทั่วประเทศแล้ว ซึ่งเริ่มจากการไปออกงานแสดงสินค้าที่ประเทศอเมริกา แต่ในขณะนั้นวัสดุสินค้าของเราเป็นของ Import ทั้งหมด ใช้ไหมมาจากประเทศฝรั่งเศส คนค่อนข้างสนใจมาก เนื่องจากลายของเราแปลกและมีดีไซน์ แต่เราใช้วัสดุ Import ทำให้ราคาแพง ซึ่งเป็นปัญหาในการขายมาก เราจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นขายเฉพาะดีไซน์ คือพิมพ์ลายปักเป็นหนังสือขาย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ในปลายปี1998 ดิฉันเริ่มต้นไปแสดงสินค้าที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างมาก เนื่องจากตอนนั้นราคาของเราถูกลงแล้ว ดิฉันจึงได้ก่อตั้งบริษัท UK Art and Technology แต่ตอนนั้นการเปิดบริษัทที่อังกฤษมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้ได้บทเรียนในการทำธุรกิจหลาย ๆ เรื่อง
ตอนแรกเราคิดว่าเมื่อเราตั้งบริษัทเองแล้ว เราก็สามารถเป็นตัวกลางในการส่งขาย ตามร้านค้าได้โดยตรง จึงทำให้ราคาถูกลง และสามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นได้ง่าย เนื่องจากราคาของเราถูกกว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่ผลิตในอังกฤษ แต่ปรากฏว่าร้านค้าต่าง ๆ ไม่ยอมรับสินค้าเรา เพราะเขามองว่าเราจะมาทำทุ่มตลาด แล้วเราจะมาทำให้ระบบที่นี่เสีย ดิฉันพยายามอยู่ 2 ปีก็แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายได้ และเลิกบริษัท UK Art and Technology ไป
แต่อย่างน้อยแบรนด์เราก็เป็นที่ยอมรับว่ามีคุณภาพดี ดีไซน์สวย แปลก เนื่องจากเราดีไซน์แบบไทย ซึ่งได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
แล้วเมื่อ 2- 3ปีที่ผ่านมา ดิฉันมองว่าลูกค้าปักครอสติสมานานแล้ว อาจรู้สึกเบื่อเพราะปักใส่กรอบอย่างเดียว เลยเปลี่ยนแนวมาทำเป็นสิ่งที่สามารถใช้งานได้ด้วย เช่น กระเป๋า ที่ใส่มือถือ และมีการเพิ่มมาเป็นกลุ่มลูกปัด (beads stitch kit) ด้วย เป็นงานฝีมืองานอดิเรกแนวใหม่ (trendy hobby craft) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก สาเหตุที่นำงานลูกปัดเข้ามา เนื่องจากดิฉันเห็นว่าตลาดเมืองนอกเป็นที่นิยมมาก
และดิฉันมองตลาดครอสติสไปล่วงหน้าแล้วว่ามันน่าจะถึงจุดอิ่มตัว จึงต้องออก line product ใหม่ โดยดิฉันซื้อวัตถุดิบมาดู แล้วมาศึกษาเกี่ยวกับลูกปัด ว่ามีกี่ประเภท มี supply ที่ไหนบ้าง จากนั้นพบว่าตัวลูกปัดแก้วนี่เป็น basic part ของทุกชิ้น และมีอยู่แค่ 3-4 ประเทศที่ผลิตได้ ซึ่งประเทศไทยผลิตไม่ได้ ดีที่สุดเป็นที่ประเทศญี่ปุ่น และมีแค่ 3 โรงงาน ดิฉันเลือกยี่ห้อ TOHO ซึ่งดีที่สุดในโลก แต่แพงกว่ายี่ห้ออื่น 10% ทางนั้นตั้งดิฉันให้เป็นเจ้าเดียวที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย
เราส่งพนักงานไปเรียนออกแบบลูกปัดจากต่างประเทศ เมื่อกลับมาเราก็เริ่มออกแบบเอง เพราะในประเทศไทยยังไม่มีดีไซน์เนอร์ที่ทำเอง ส่วนใหญ่จะดูจากหนังสือญี่ปุ่น เมื่อเห็นว่ามีช่องว่างตรงจุดนี้ ทีมเราก็เลยดีไซน์ออกมาเอง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี เราจึงดีไซน์ลูกปัดเก๋ๆ โก้ๆ และหรูเท่ ออกมา ขายพร้อมลูกปัดแก้วคริสตัล ซึ่งเป็นวัสดุที่แพงเพราะเป็นของแท้100% จะวาวและมีน้ำหนักกว่า เราเป็นตัวแทนจำหน่ายสวาร็อคกี้ของประเทศออสเตรีย ใช้หลายๆอย่างมาผสมกับลูกปัดหิน มุก เงิน
นอกจากนี้เรามีสินค้า knitting โดยเราเป็นตัวแทนจำหน่ายไหมพรมจากเยอรมันด้วย ดิฉันจึงสามารถคัดเลือกเองให้สวยและราคาไม่แพง ดังนั้นในตัววัสดุเราจะมีจุดเด่น และราคาไม่แพง ซึ่งตอนนี้มี อ.สมสวาท เป็นที่ปรึกษา ซึ่งท่านมีประสบการณ์ด้านนี้มา 20 กว่าปี ท่านได้เดินทางไปดูงานทั่วยุโรป และอเมริกา แล้วมาเป็นอาจารย์ให้ที่ร้าน ถ้าคนที่ยังไม่เป็นเลย ทางร้านก็จะสอนให้ฟรี ซึ่งจะสอนในระดับ Begining ก่อน ในชุดนี้จะมีคู่มือสอนอยู่ในนั้นด้วยเพื่อไปทบทวนต่อที่บ้าน ในเร็ว ๆ นี้ดิฉันกำลังจะตั้งเป็นลักษณะของชมรม ซึ่งดิฉันอาจจะจัดเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือมาคุยกัน ซึ่งในเมืองนอกเขาจะตั้งเป็นชมรมใหญ่เลยในแต่ละรัฐ ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนเทคนิคกันมานั่งคุยกัน
สำหรับตลาดครอสติสเราจะมีกลุ่มลูกค้าเป็นคนทำงาน 60-70 % คือกลุ่มอายุ 25-45 ปีเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด ถ้ากลุ่มหลังอายุ 45 ปี จะเป็นกลุ่มแม่บ้าน หรือกลุ่มผู้ใหญ่ ในกลุ่มนี้จะปักรูปใหญ่ แต่ในขณะนี้ดิฉันกำลังขยายตลาดมายังกลุ่มคนอายุ 15-25 ปี ซึ่งก็จะออก Product & Line เพื่อมา Support ลูกค้ากลุ่มนี้
สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้จะมีเวลาน้อย และอาจไม่มีความอดทนมากพอที่จะมาทำอะไรที่ยุ่งยาก ดังนั้นการออกแบบลายก็จะมีลักษณะแบบที่ทำเสร็จเร็ว ลายน่ารัก และสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยตั้งราคาไว้ย่อมเยาว์มาก คือชุดละตั้งแต่ 15 บาทขึ้นไป เป็นชุดสำเร็จรูป พร้อม ผ้า ไหม และผังลาย สำหรับไหมดิฉันจะให้เหลือไว้เยอะ ถ้าไม่พอก็จะมีให้ฟรี โดยลูกค้าสามารถแวะมารับไหมเพิ่มเติมได้ที่ร้านภิญญ์ ช็อป
ส่วนสินค้าแฟชั่นพวก พวงกุญแจ ที่วางมือถือ ที่พับกระดาษเก๋ ๆ สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้เราก็มีรองรับ โดยเราจะออกสินค้าใหม่ทุก ๆ เดือน ดังนั้นเห็นได้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ตอนนี้ส่วนมากจะเป็นกลุ่มที่รักงาน ฝีมือจริง ๆ เท่านั้น ยังไม่ค่อยมี กลุ่มตลาดใหม่ ๆ เพราะอาจคิดว่าเป็นงานที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน แต่ถ้ามองจริงๆแล้วงานนี้เป็นงานที่ง่ายและใช้เวลาไม่นาน
ที่ผ่านมา 10 กว่าปี ในแง่ของการลงโฆษณา เราก็มีแต่ลงโฆษณาในหนังสือการฝีมือเท่านั้น เราจึงต้องการขยายตรงจุดนี้ควบคู่กันไปด้วย แต่อีกทางหนึ่งเราจะจัดทำหนังสือด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะออกเป็นราย 3 เดือน ซึ่งจะปรับเป็นหนังสือลักษณะวาไรตี้ จะไม่ได้วางแผงตามร้านหนังสือ แต่จะวางตามช็อปภิญญ์ และร้านสมาชิก คาดว่าหนังสือจะสามารถวางแผงได้ในเดือน ต.ค.นี้สำหรับหนังสือจะเป็นภาษาไทยแต่ส่งขายไปยังอเมริกา ดิฉันทำเป็นกราฟฟิก ก็เลยไม่ต้องอ่านออกก็เข้าใจ ขายดีมาก
สำหรับหนังสือดีไซน์ลูกปัด แม้จะเป็นภาษาไทยแต่เราส่งไปขายที่อเมริกาได้ เพราะเราทำกราฟฟิคอธิบายวิธีทำที่ชัดเจน เป็นรูปภาพเข้าใจง่าย แต่ก็มีลูกค้าเมล์มาว่าเขาไม่เข้าใจว่า วัตถุดิบตัวนั้นเป็นอะไร เขาอ่านไม่ออก เชือก เอ็น หรือว่าอะไร ดิฉันจึงคิดทำเป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นไปงานบีทโชว์เราเอาหนังสือดีไซน์มาให้เขาดูฝรั่งชอบมาก และขอซื้อลิขสิทธิ์ไปพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ เขาบอกว่าดีไซน์ของเราเด่น และค่อนข้างแปลก เราจึงได้สร้างแบรนด์ PINN BEADS อีกแบรนด์หนึ่งจะเป็นในลักษณะขายดีไซน์
ส่วนในด้านการจัดกิจกรรมภายใน 1 ปีเราจะมีการจัดงาน 1 ครั้ง ซึ่งภายในงานก็จะจัด WorkShop มีครูทั้งคนไทยและต่างชาติเชิญมาสอน และมีการเดินแฟชั่นโชว์ ภายในงานก็จะมีมุมที่โชว์มาสเตอร์พีช เราจัดมา 3 ปีติดต่อกันแล้ว ปีนี้เป็นปีที่ 4 เราจัดที่ Central World Plaza ในวันที่ 2 — 7 พ.ย. 2547
และสำหรับด้านการแข่งขันทางการตลาดนั้น เราจะมีคู่แข่ง คือ ไหมAnchor จากประเทศเยอรมัน และโอลิมพัส จากประเทศญี่ปุ่น
ในแง่ครอสติสไหม DMC คือ อันดับ 1 มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 60 % แต่บริษัทแม่ตั้งเป้ามาว่าจุดขายนี่ควรจะเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ตั้งเป้าหมายว่าในช่วงเดือนหลังควรจะมีจุดขายเพิ่ม 20 จุด และในปีหน้าจะมีการขยายตลาดอีก 50 จุด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง หากเราทำประชาสัมพันธ์ และมีจุดขายสนับสนุน และก็ไม่ได้ลงทุนมาก ซึ่งทางการตลาดก็มีบริษัทแม่สนับสนุนเต็มที่ น่าจะเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีมีโอกาสขยายตัวได้สูง
สำหรับตลาดครอสติสเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ร้านภิญญ์ทำตลาดเป็นชุดปัก ทำให้มูลค่าการขายไหมลดลงมาก แต่จะมาขายเป็นชุด ๆ แทน และจาก 12 ปีที่ผ่านมาเรามี 1,000 กว่าแบบ และการที่มี 1,000 ดีไซน์ทำให้มูลค่าสต็อคสูงมาก ซึ่งถ้าใครจะลงทุนเปิดร้านจะต้องลงทุนเยอะ เช่น 1 ชุดปักราคา 200 บาท หากเขาต้องการลงทุน 1,000 ลายก็ต้องใช้เงินลงทุนหลายแสน
ดิฉันจึงคิดจะกลับมาขายไหมขายผ้า เพื่อให้ต้นทุนสต็อคลดลง เช่นลงทุนประมาณ 60,000 บาท ก็สามารถเปิดร้านได้เลย แต่ถ้าขายเป็นชุดจะได้แค่ 20 ลาย แต่ถ้าเราขายแต่ลายต้นทุนจะถูกลงจาก 200 บาท อาจเหลือแค่ 30-40 บาทเท่านั้น ทำให้ลูกค้าจะซื้อไหม แผ่นลาย ผ้า จะใช้ทุนน้อยและมีลายให้ลูกค้าเลือกหลากหลาย ซึ่งจะส่งผลให้มีตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น
ถ้าลงทุนช่วงที่มีโปรโมชั่นคือช่วงนี้ ถึงเดือนต.ค.ก็น่าจะคืนทุนได้เร็ว เพราะจะให้ส่วนลดถึง 20-25% แล้วจะได้ของแถมเช่นตู้โชว์ มูลค่าก็ 25,000 บาท ซื้อไหม 40,000 บาทก็ได้ไปแล้วมากกว่า 50% ผ้าก็จะซื้อ 3 พับแถม1พับ ได้ส่วนลด 30% ด้วย และได้ทองอีก 2 สลึง ยอดขายรายได้สำหรับ kios หรือมุมเล็กๆในร้าน น่าจะสร้างรายได้ประมาณเดือนละ 1 แสนบาท ซึ่งก็จะต้องดูทำเลดี ๆ ประกอบด้วย”
ซึ่ง PINN SHOP ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ PINN SHOP เป็นรูปแบบธุรกิจร้านสะดวกซื้อสินค้าแบบ DIY Hobby Craft ในหมวดเย็บปักถักร้อย ที่ผ่านการคัดสรรสินค้ามาเป็นอย่างดี ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ให้สินค้าหมุนเวียนโดยรวดเร็ว PINN SHOP แตกต่างจากร้านแบบครบวงจร ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะคุ้มทุน ยากในการบริหารสินค้าคงคลัง
“ตอนนี้สัดส่วนตลาดต่างประเทศของภิญญ์ ช็อป PINN SHOP มี 20% และในประเทศ 80% แต่ในอนาคตจะส่งออกมากขึ้น อย่างลูกปัดทำมา 3 ปี แต่ยังไม่ส่งออก เพราะเราต้องการไปลองดูก่อนว่าส่งออกได้จริงๆรึเปล่า เราก็จำหน่ายหนังสือที่ดีไซน์ลายไป และก็เอาชิ้นงานไปโชว์ ซึ่งต่างชาติเขาก็ชื่นชมลายดีไซน์งานลูกปัดของเรากันมาก และสนใจจะพิมพ์ ถ้าเขาพิมพ์คงเป็นเล่มแรก ที่คนอเมริกันพิมพ์ดีไซน์ของคนไทย เพราะลายการดีไซน์ลูกปัดของญี่ปุ่นเขายังไม่ซื้อเลยนะคะ
อเมริกันไม่เคยซื้อลิขสิทธิ์ของญี่ปุ่นนะคะ ดังนั้นเมื่อเขาสนใจจะพิมพ์ ในส่วนกลุ่มลูกปัด (beads stitch kit) ของภิญญ์ ช็อป PINN SHOP ยังสามารถขายได้ในวงกว้างได้ เราน่าจะเป็นประเทศแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ลายลูกปัดที่ภิญญ์ ช็อป PINN SHOP ดีไซน์เป็นภาษาอเมริกัน เนื่องจากเราไม่ได้ผลิตลูกปัดอยู่แล้ว ลูกค้าก็สามารถไปหาซื้อทั่วไปได้ ดังนั้นภิญญ์ก็เหมือนเป็นแค่การขายดีไซน์ ในส่วนกลุ่มลูกปัดเพิ่มขึ้นมา
ตอนนี้เราทำ promotion คือให้ลูกค้าที่ขายส่ง สะสมยอดแลกของ ถึงตุลาคม 2547 ดิฉันจะเน้นการเปิดรับสมัครตัวแทนใหม่มาก ๆ ซึ่งเมื่อเรามีจุดขายมากพอ และทุกจุดขายต้องเต็ม ถึงจะทำ consumer promotion ถ้าหากเราทำในขณะที่จุดขายยังไม่เต็ม ลูกค้าอยากจะเข้าร่วม promotion แต่ว่าจุดขายยังน้อย หลังตุลาคม ศกนี้ เราอยากจะให้มีตัวแทนเต็มที่ แล้วเริ่มทำ consumer promotion ของก็จะได้มี supply ตลอด
ในส่วนของยอดขายของภิญญ์ ช็อป PINN SHOP เมื่อตอนที่ครอสติสกำลังเป็นที่นิยม ภิญญ์ ช็อป PINN SHOPสามารถมียอดขายถึงร้อยล้านบาทต่อปี แต่ตอนนี้ตลาดครอสติสทั่วโลกถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ยอดขายของเราตกมา 20% เราคิดว่าอยากจะทำให้ยอดขายกลับมา ต้องเพิ่ม 20% ก็เลยมาจับตลาดวัยรุ่น
ดังนั้นถ้าจะมาจับกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ภิญญ์ ช็อป PINN SHOP จึงวางกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ และการตลาด โดยนำดารามา present นอกจากนี้ product support เราเป็นตัวแทนจำหน่ายไหมที่เดียว หากมีบริษัทอื่นสนใจทำ เราก็ยินดี เพราะอยากให้ product ชนิดนี้ออกมามากๆ เพราะเราจะต้องการหาลูกค้าเพื่อให้มาปักมากกว่า
อย่างตลาดที่ประเทศเกาหลีประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีหลายโรงงานผลิต accessaries ที่แข่งกันทำ เช่น กรอบรูป กระเป๋า ที่ใส่กระดาษทิชชู่ ซึ่งที่ประเทศเกาหลีจะไม่กลัวอะไรเลย มีการทำรองเท้าด้วย แต่
ของประเทศไทยดิฉันไปคุยกับโรงงานเขาไม่ทำ อะไรที่ไม่เคยทำเขาก็ไม่ทำ แต่ที่ประเทศเกาหลีเขาเห็นโอกาสอะไรกำลังนิยม เขาก็จะรีบทำออกมา”
ขอความกรุณาฝากข่าวประชาสัมพันธ์ด้วยนะคะ
เกษราภรณ์ (อึ่งสกุล) พิศณุเสน (เชอรี่) 01-344-9149
เนาวรักษ์ แพรสีทอง (ส้ม) 01-295-6733
โทร. 02-682-9880 โทรสาร 02-682-9885--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ