กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปลงทุนขยายธุรกิจตามแผน อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและรายได้ประจำจากบริการสาธารณูปโภคที่เติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังพิจารณาถึงแผนการลงทุนจำนวนมากทั้งในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ ธรรมชาติที่ผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกสืบเนื่องจากวิกฤติหนี้สินของประเทศในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิต ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ โดยสัดส่วนรายได้ประจำที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสาธารณูปโภค ธุรกิจไฟฟ้า และค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2535 ณ เดือนมีนาคม 2555 กลุ่มตระกูลหอรุ่งเรืองถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.0% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด นอกจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการให้บริการสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรูในใจกลางกรุงเทพฯ ด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทซึ่งรวมถึงคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วน 60%-70% ของรายได้รวม ยกเว้นในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ส่วนรายได้ที่เหลือ 30%-40% เป็นรายได้ประจำซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริการสาธารณูปโภคและค่าเช่าโรงงาน
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินเป็นเจ้าของและบริหารนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และสระบุรี ด้วยพื้นที่รวมทั้งหมด 32,025 ไร่ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 มีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 756 ราย ซึ่ง 34% เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ 10% เป็นลูกค้าในกลุ่มปิโตรเคมี ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีพื้นที่เหลือขาย 6,261 ไร่ โดยประมาณ 40% อยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (H-ESIE) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
ในปี 2554 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้เป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ถึง 1,670 ไร่ เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 930 ไร่ในปี 2553 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ รายงานของ CB Richard Ellis ระบุว่ายอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 5,758 ไร่ในปี 2554 จาก 3,622 ไร่ในปี 2553 นอกเหนือจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตแล้ว ยอดขายที่ดีดังกล่าวยังเป็นผลมาจากการย้ายโรงงานของบริษัทหลายแห่งหลังจากนิคมอุตสาหกรรมในภาคกลางของประเทศประสบกับปัญหาอุทกภัยในปลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองปัจจัยยังสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทขายที่ดินได้ 928 ไร่ในไตรมาสแรกของปี 2555
รายได้ประจำของบริษัทยังคงแข็งแกร่งและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายสาธารณูปโภคซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ประจำในปี 2554 เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2553 เป็น 1,722 ล้านบาท รายได้จากการขายสาธารณูปโภคในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโต 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 490 ล้านบาท ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตคือจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจโรงงานให้เช่าก็เติบโตเช่นกันในปี 2554 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 โดยพื้นที่เช่าในปี 2554 เพิ่มขึ้น 52,594 ตารางเมตร(ตร.ม.) เติบโต 49% เมื่อเทียบกับปี 2553 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีก 13,694 ตร.ม. ในไตรมาสแรกของปี 2554 หรือเติบโต 9% จากสิ้นปี 2553
รายได้รวมของบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินในปี 2554 ลดลง 4% เป็น 4,150 ล้านบาท จาก 4,322 ล้านบาทในปี 2553 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 27% เป็น 1,360 ล้านบาทในปี 2554 EBITDA ที่ลดลงเป็นผลจากรายได้จากการโอนที่ดินที่น้อยลงและการขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากอัตราแลกเปลี่ยนจากบริษัทร่วมทุนในธุรกิจไฟฟ้า คือ บริษัท เก็คโค่วัน จำกัด (GHECO-One) ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 รายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 196% เป็น 1,676 ล้านบาทจากการเติบโตของธุรกิจเกือบทุกกลุ่ม กลุ่มที่ผลักดันให้เกิดการเติบโตมากที่สุดคือรายได้จากการขายที่ดินที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,149 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 จาก 28 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 EBITDA ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 634% เป็น 1,084 ล้านบาท ในระยะสั้นคาดว่าความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทยที่ไม่มีปัญหาอุทกภัยมีแนวโน้มที่ดี การฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตหลังอุทกภัยยังสนับสนุนการลงทุนทั้งสำหรับการขยายกำลังการผลิตและการย้ายโรงงาน อัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มยานยนต์ฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 93.6% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 จาก 31.8% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 และเฉลี่ย 67.1% ของทั้งปี 2554 มูลค่าโครงการที่เสนอขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีจำนวนถึง 374 พันล้านบาทในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 ซึ่งเติบโต 87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าวิกฤติหนี้ของประเทศในทวีปยุโรปอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุนในประเทศไทย แต่ก็คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะบรรเทาลงจากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นซึ่งยังคงมีการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนและการมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดีรวมถึงทำเลที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทย
ภาระหนี้ของบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดินสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2553 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 48.0% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 จาก 32.4% ในปี 2552 สาเหตุหลักเป็นผลจากการกู้ยืมเพื่อการลงทุนใน GHECO-One ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 660 เมกะวัตต์ โดยบริษัทใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นใน GHECO-One รวม 4,500 ล้านบาท คาดว่า GHECO-One จะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์และให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลจำนวนมากให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป บริษัทวางแผนจะลงทุนจำนวนมากรวมมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2555-2556 โดยแผนการลงทุนประกอบด้วย การขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการสาธารณูปโภค การลงทุนต่อเนื่องใน GHECO-One รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ในระยะกลางถึงระยะยาวทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ที่ระดับประมาณ 50% ตามนโยบายของบริษัทในขณะที่มีการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจ
บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) (Hemraj)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
HEMRAJ16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2564 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)