ธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกผ่านฉลุย เน้นสร้างพันธมิตรดันมูลค่าตลาดรวมแตะ 6,000 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Tuesday July 6, 2004 14:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.ค.--โอเอซิส มีเดีย
ธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีแรกของปี2547 พบว่า บริษัทชั้นนำในตลาดวางแผนงานมาอย่างดี สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง ทั้งการวางกลยุทธ์และการปลุกกระแสธุรกิจที่สร้างสีสันได้ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา ช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้รับรู้และเข้าใจธุรกิจรับสร้างบ้านได้มากยิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ปล่อยให้ภาคธุรกิจอสังหาฯหรือบ้านจัดสรร ร้อนแรงและโกยลูกค้าไปก่อนหน้านี้ 2 ปีเต็ม ๆ นอกจากนี้จากการรวมกันจัดตั้งสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังส่งผลให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น
ฝ่ายการตลาด บริษัท ปทุมดีไซน์ ดิเวลลอป จำกัด ประเมินว่า ปี 2547 ตลาดรับสร้างบ้านจะมีมูลค่าเพิ่มจากเดิม 5,000 ล้านบาท เป็น 5,500 —6,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเข้าไปแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้รับเหมารายย่อยได้เพิ่มขึ้น แต่ทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังมีสิ่งที่ต้องระวังสำหรับธุรกิจด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้าง และปัญหาทางด้านแรงงาน
ราคาวัสดุก่อสร้างและผลกระทบที่มีต่อธุรกิจรับสร้างบ้าน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเวลาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งก่อน กลุ่มผู้ประกอบการบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำประมาณ 30 บริษัท(จาก 200 กว่าบริษัท) ที่ยังคงมีฐานะและความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยสามารถทำตลาดรับสร้างบ้านและมีผลงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปริมาณงานอาจจะไม่มากเหมือนช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ยังคงจดจำได้ดีคือ การได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ทั้งในด้านราคาจำหน่ายและการบริการ เพราะเวลานั้นตลาดอสังหาฯล้มครืนลงมา ท่ามกลางหนี้สินกองโตและกลายเป็นหนี้สูญจำนวนมากในพริบตา กำลังซื้อที่มีอยู่ในผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านเวลานั้น จึงมีความสำคัญที่ช่วยให้เครื่องจักรในโรงงานเดินเครื่องการผลิต ไม่เพียงเฉพาะเพื่อการส่งออกไปขายต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังพอมีผู้ประกอบการที่มีกำลังซื้อภายในประเทศเหลืออยู่บ้าง และร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายก็มียอดสั่งซื้อจากผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเป็นขาประจำ ช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนและการจ้างงานได้ในระดับหนึ่ง
วันนี้ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง กำลังมองข้ามกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่มีบทบาทสำคัญทำหน้าที่เฟืองเล็กๆให้เกิดการผลิตในโรงงานเมื่อ 5 — 6 ปีก่อน และนับว่ากำลังมีส่วนทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเกิดความอ่อนแอ เพราะราคาจำหน่ายสินค้าที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการบริการที่บางครั้งต้องรอการจัดส่งวัสดุก่อสร้างกันนานนับเป็นเดือนๆ จนผู้ประกอบการรับสร้างบ้านบางราย ต้องประกาศชะลอการขายหรือหยุดทำการตลาดชั่วคราว เพื่อรอดูสถานการณ์วัสดุก่อสร้างก่อน เพราะหากยังฝืนรุกตลาดต่อไปอาจประสพปัญหาขึ้นได้เช่นกัน
ฉะนั้นหากผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน สามารถแก้ปัญหาความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างได้ในครึ่งปีหลัง โดยมิให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่สูงขึ้นตามไปด้วย มั่นใจว่าตลาดรับสร้างบ้านจะกลับมาคึกคักอีกครั้งและมีกำลังซื้ออย่างสม่ำเสมอ แตกต่างจากกำลังซื้อของภาคอสังหาฯหรือโครงการบ้านจัดสรร
ภาวะขาดแคลนแรงงานและการปรับเพิ่มค่าจ้าง
นอกจากปัญหาการปรับตัวสูงขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างแล้ว ปัญหาขาดแคลนแรงงานก็นับเป็นเรื่องหนักใจของผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน โดยเฉพาะในช่วงอสังหาฯบูมมากๆ ซึ่งมีการแย่งชิงแรงงานภาคก่อสร้าง ทั้งในระดับแรงงานฝีมือช่าง สถาปนิก วิศวกร พนักงานขายและผู้บริหาร ในขณะที่ยอดขายพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ผู้ประกอบการกลับพบปัญหาที่ต้องหลีกเลี่ยงไม่ได้จากปัจจัยภายนอกทุกครั้งไป และหากยังปล่อยให้วนเวียนอยู่อย่างนี้ ธุรกิจนี้คงยากที่จะได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภคตลอดไป
ตลาดแรงงานฝีมือช่างก่อสร้างส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีการศึกษาต่ำ และไม่ผ่านการเรียนรู้พื้นฐานด้านช่างจากสถาบันการศึกษา หรือการฝึกอาชีพจากหน่วยงานของรัฐ แต่เป็นการเข้าสู่ตลาดแรงงานด้วยการเข้ามาขายแรงงานทั่วไป และค่อยๆหาประสพการณ์ด้วยการลองผิดลองถูก จนมีความชำนาญในระดับหนึ่งของการทำงาน ซึ่งมีโอกาสพัฒนาจนเป็นผู้มีความชำนาญได้น้อยมาก และยังคงถูกหลอกลวงและเอารัดเอาเปรียบจากผู้ว่าจ้างที่เห็นแก่ตัว ส่งผลให้นับวันแรงงานฝีมือช่างก่อสร้างจะลดน้อยลงเรื่อยๆเพราะขาดแรงจูงใจ ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านจึงควรจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม และมีบทบาทในการที่จะยกระดับแรงงานฝีมือให้มีมาตรฐานและค่าจ้างที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดีมีผู้ประกอบการบางราย ที่เล็งเห็นและต้องการหลีกเลี่ยงจากปัญหาแรงงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีและระบบการสำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาใช้ในการสร้างบ้าน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างถาวร แต่ก็ต้องต่อสู้กับความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ที่ยังคงนิยมการสร้างบ้านด้วยระบบเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารองค์กร ที่จะมุ่งแก้ไขปัญหาไปในทิศทางใดอย่างมีระบบ และสร้างให้เกิดการจ้างงานอย่างยุติธรรมต่อผู้ใช้แรงงาน.
ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปี 2547
จากการที่กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหันมาร่วมมือกัน ที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจ และเพิ่มบทบาทในการกำหนดทิศทางตลาดรับสร้างบ้านให้เติบโตแบบยั่งยืน ได้สร้างมิติใหม่ของภาคธุรกิจรับสร้างบ้านขึ้นมา โดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการสร้างทัศนคติของผู้บริโภคและประชาชน เกี่ยวกับการสร้างที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองว่าควรจะต้องเลือกใช้บริการ จากผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะเท่านั้น เพราะจะมีผลคุ้มครองตามกฎหมายทั้งในเรื่องความมั่นคงแข็งแรง และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งความคุ้มค่ากับเงินลงทุนในระยะยาวเพื่อที่อยู่อาศัย
เหตุการณ์ที่เป็นข่าวคึกโครมในช่วงครึ่งปีแรก ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ก็คือ การถล่มลงมาของห้างนิวเวิลด์ในระหว่างการรื้อถอนอาคาร โดยที่เกิดจากสาเหตุของการที่ผู้เป็นเจ้าของอาคารและผู้รับจ้างเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า โดยขาดความเข้าใจและไม่คำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น จนสร้างความเสียหายมากมายหลายเท่ากับค่าจ้างที่จะต้องจ่ายให้กับนักวิชาชีพหรือผู้ประกอบวิชาชีพ
ดังนั้นการแข่งขันของ ธุรกิจรับสร้างบ้านต่อไป คงเป็นการแข่งขันในเรื่องการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก โดยในปี 2547 เฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ 10 อันดับแรกประมาณว่าจะมีการใช้งบประมาณการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ รวมกันกว่า 150 ล้านบาท ขณะที่หากรวมทั้งตลาดจะมีเม็ดเงินโฆษณา และประชาสัมพันธ์ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท แต่การแข่งขันจะเข้าระบบความเป็นมืออาชีพ มากกว่าการใช้กลยุทธ์การตัดราคา ซึ่งทิศทางการแข่งขันลักษณะนี้จะทำให้ตลาดเกิดการพัฒนา และขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2546 อยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 5,500 — 6,000 ล้านบาท โดยมี สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ทำหน้าที่ผลักดันการขยายตลาดและส่งเสริมผู้ประกอบการในธุรกิจให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น
นายสิทธิพร สุวรรณสุต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด กล่าวว่า บริษัทมียอดขาย 6 เดือนแรกจำนวน 137 ล้านบาท จากยอดขายทั้งปีตั้งไว้ 300 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านๆมา ถือว่าปีนี้มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วกว่าเท่าตัว ยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและตลาดรับสร้างบ้านมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพปริมณฑลและต่างจังหวัด ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการสินค้า บริการ กับผู้บริโภคและประชาชน รวมทั้งข้อดีและความน่าเชื่อถือของธุรกิจรับสร้างบ้านผ่านสื่อต่างๆ อาทิเช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ Internet ฯลฯ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ปีนี้การตลาดในธุรกิจรับสร้างบ้านเปลี่ยนไปและง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยบริษัทไม่ต้องเน้นการขายหรือแข่งขันเพื่อชิงยอดขายกับคู่แข่งในธุรกิจ แต่หันมาให้ทำกิจกรรมและเผยแพร่ความเป็นธุรกิจรับสร้างบ้านให้ผู้บริโภคเข้าใจ และเกิดความเชื่อมั่น หันมาใช้บริการสร้างบ้านแทนการว่าจ้างช่างหรือผู้รับเหมารายย่อย นอกจากนี้ยังมี ”สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน” มาเป็นหน่วยงานที่ช่วยสนับสนุนและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากขึ้นอีกทางหนึ่ง
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ คุณศรัญญรัตน์ สุวรรณคาม หรือ คุณชัชวาล ตรีเนตร
บริษัท โอเอซิส มีเดีย จำกัด โทร.0-2937-4658-9,0-2937-4735,0-2937-4000 ต่อ 2068
Email : [email protected], [email protected]จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

แท็ก ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ