กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน
สิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานของสาวกแอปเปิ้ล หลังจากที่แอปเปิ้ลได้มีการ เปิดตัวบริการ "iTunes Store" ใน 12 ประเทศของภูมิภาคเอเชีย โดยเปิดให้บริการและชำระผ่านบัตรเครดิตในประเทศบรูไน, กัมพูชา, ฮ่องกง, ลาว, มาเก๊า, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไทย, ศรีลังกา และเวียดนาม จากเดิมที่เคยไปเพียง 3 ประเทศคือ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทั้งนี้ แอปเปิลได้ออกแบบเมนูต่างๆเพื่อรองรับ iTunes รวมถึงใน App Store ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเพลงและภาพยนตร์ได้นับล้านๆไฟล์
นาย มาโนช เมนอน หุ้นส่วนและกรรมการผู้จัดการ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การพัฒนาดังกล่าวนับว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับผู้บริโภคในเอเชีย จากเดิม การเติบโตของแอปเปิ้ลในตลาดมาจากการขายฮาร์ดแวร์ การเปิดตัวบริการดังกล่าวจะช่วยให้แอปเปิ้ลสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
“ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือของแอปเปิ้ลได้รับความนิยมอย่างมหาศาลในตลาดเอเชีย ดังนั้น การพัฒนาในครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญที่ทำให้แอปเปิ้ลมีความได้เปรียบเชิงธุรกิจเหนือแอนดรอยด์ โดยแอนดรอย์ได้รับความนิยมในประเทศต่างๆเนื่องจากราคาที่ค่อนข้างต่ำ และความหลากหลายของผู้ผลิต และ iTunes store จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวให้แก่แอปเปิ้ลและผู้บริโภค ซึ่งจะสามารถสร้างความแตกต่างในเชิงธุรกิจให้กับแอปเปิ้ลได้อย่างแน่นอน” นายมาโนช กล่าว
การเปิดตลาดครั้งนี้ของแอปเปิ้ลยังเป็นโอกาสให้เจ้าของเพลงและภาพยนตร์ต่างได้พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายของตนอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของดิจิตอล คอนเทนท์ในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ นายมาโนชยังได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า การเปิดตัวบริการ iTunes store ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นสัญญาณเชิงบวกที่มีต่อธุรกิจในการช่วยลดการละเมิดลิขสิทธ์ในประเทศเหล่านี้ในรูปแบบของคอนเทนต์และราคาที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี การขยายครั้งนี้ไม่ได้รวมถึงจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ซึ่งมีกลุ่มคนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อและมีความสนใจเทคโนโลยี โดย นายมาโนช กล่าวว่า แอปเปิ้ลควรเร่งพัฒนาเพื่อให้บริการ iTunes store ในประเทศเหล่านี้ โดยเฉพาะ จีนและอินเดีย ซึ่งจะส่งผลอย่างมากในการเติบโตในระยะยาวของแอปเปิ้ล
สำหรับประเทศไทย ดร. มนธ์สินี กีรติไกรนนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ได้ให้ความเห็นว่า เราคาดว่าจะได้เห็นผู้เล่นใหม่ๆในตลาดการให้บริการคอนเทนต์ ในขณะที่ผู้เล่นปัจจุบันต้องพัฒนาตนเองให้มากขึ้น ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ให้บริการคอนเทนต์ เนื่องจากผู้บริโภคมีมุมมองที่เปิดกว้างมากขึ้น และหันมาซื้อคอนเทนต์ที่ถูกกฎหมายมากขึ้น ปัจจุบัน รายได้จากการให้บริการโหลดเพลงอยู่ที่ 1500 ล้านบาท ซึ่งนับว่ายังไม่สูงมากนัก ดังนั้น การเข้ามาของ บริการ iTunes store จะช่วยให้ตลาดสามารถโตได้ถึงสองเท่าภายในปีหน้า
ธุรกิจในภาคโทรคมนาคม โดยเฉพาะผู้ประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ อาจมองว่านี่เป็นภัยคุกคามเล็กๆสำหรับการให้บริการด้านคอนเทนต์ แต่โดยภาพรวมแล้วนับว่าเป็นผลดีเนื่องจากความต้องการในการดาวโหลดข้อมูลจะส่งผลให้ปริมาณการใช้บรอดแบรนด์ ดาต้า เพิ่มขึ้น ซึ่งนับเป็นธุรกิจหลักของอุตสาหกรรมนี้
“ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเบอร์จะเพิ่มขึ้น จากการใช้งานบรอดแบนด์บนมือถือ ในขณะเดียวกัน รายได้ของผู้ให้บริการในส่วนที่เป็นดาต้า จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23 เป็น ประมาณร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมด ภายในระยะเวลา 3 ปี” ดร. มนธ์สินีกล่าว
ติดต่อ:
Frost & Sullivan Thailand, Tel. 02 637 7414