กรุงเทพฯ--3 ก.ค.--ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
แม้ทิศทางราคาสินค้าผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน 2555 ยังคงไล่ระดับขึ้นจากเดือนก่อนหน้า แต่ก็เป็นภาพที่ผ่อนคลายลงกว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับลดลงประมาณร้อยละ 3-6 ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงร้อยละ 14 ในระหว่างเดือน ขณะที่ ราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ก็เข้าสู่ภาวะทรงตัว-ไม่เร่งตัวขึ้นจากระดับในเดือนก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคไปจนถึงเดือนกันยายน 2555
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงค่อนข้างมากในช่วงปลายไตรมาสที่ 2/2555 สามารถชะลอแรงผลักดันภาระต้นทุนการผลิต-ค่าขนส่ง-ค่าจ้างแรงงานของภาคธุรกิจ ที่รอส่งต่อมาที่ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อรวมกับปัจจัยเรื่องฐานการคำนวณเปรียบเทียบ ก็ทำให้ภาพของเงินเฟ้อในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 อยู่ในทิศทางที่ชะลอลง
ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงของวิกฤตหนี้ยุโรปที่อาจมีผลต่อเศรษฐกิจและทิศทางราคาพลังงานในตลาดโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2555 ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยยังไม่น่าจะอยู่ในระดับที่สร้างความกังวลมากนัก แม้ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรกของปีแรกที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็ดี ยังคงมีปัจจัยที่รอหนุนทิศทางเงินเฟ้อในช่วงต้นปี 2556 อาทิ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งยังคงมีอีกหลายส่วนที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง
- อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ( Headline CPI Inflation) ขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนมิถุนายน 2555 ทั้งนี้ ระดับราคาสินค้าผู้บริโภคในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.16 (MoM) จากเดือนก่อนหน้า นำโดย การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะค่าโดยสาร (+0.75 %MoM) ค่าตรวจรักษา/ค่ายา (+0.43 %MoM) และค่าไฟฟ้า/เชื้อเพลิง/น้ำประปา/แสงสว่าง (+7.49% MoM) ซึ่งหักล้างทิศทางการปรับตัวลงของราคาในหมวดอาหารสด และราคาสินค้าในหมวดพาหนะ/ขนส่ง/สื่อสาร ที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวลง
ทั้งนี้ ราคาสินค้าผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นไม่มากนักจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมิถุนายน 2555 ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.56 (YoY) และร้อยละ 1.92 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับร้อยละ 2.53 (YoY) และร้อยละ 1.95 (YoY) ในเดือนพฤษภาคม