กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--ฐิติกร
TK ประเมินตลาดสองล้อฟื้นในไตรมาสสอง
- เชื่อมั่น ตลาดจะสร้างสถิติใหม่ที่ 2.2 ล้านคัน สิ้นปีนี้
- TK เตรียมพร้อมขยายตัวอีกครั้งหลังน้ำท่วม รับทีมงานเพิ่มอีก 350 คน
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เชื่อมั่นตลาดรถจักรยานยนต์จะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในไตรมาสสอง เนื่องจากผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่สามารถเดินหน้าผลิตได้อย่างเต็มกำลังการผลิตหลังขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตในช่วงไตรมาส 1 จากวิกฤติน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์เมื่อปลายปีที่แล้ว
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยว่านับจากมหาอุทกภัยเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลต่อโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนต้องปิดโรงงานระยะหนึ่ง หลังจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนเริ่มฟื้นฟูโรงงานในช่วงไตรมาส 1 และเริ่มมีกำลังการผลิตกลับสู่ภาวะปกติในช่วงต้นไตรมาส 2 ส่งผลให้โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์เริ่มผลิตได้เต็มประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 เป็นต้นมา
“ยอดขายและยอดจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากภาคการผลิตมีปัญหาจากน้ำท่วมในปีที่แล้ว แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็วและสามารถกลับมาผลิตได้เต็มกำลังการผลิตในขณะนี้ เราจึงเชื่อมั่นว่าตลาดรถมอเตอร์ไซค์น่าจะสร้างสถิติยอดขายทะลุ 2.2 ล้านคันในสิ้นปีนี้” นางสาวปฐมากล่าว
ทางด้านนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ TK กล่าวเพิ่มเติมว่าตลาดรถจักรยานยนต์เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งภายหลังจากค่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดแล้ว 8 รุ่น จาก 13 รุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้ และยามาฮ่าเปิดตัวไปแล้ว 3 รุ่น จาก 7 รุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้เช่นกัน ทำให้ร้านค้ารถจักรยานยนต์มีสินค้าใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการที่อั้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เราจึงไม่ค่อยห่วงยอดขายมากนักหากการผลิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติ”
สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายทั้งสิ้น 675,264 คัน เพิ่มขึ้น 0.87% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน โดยเฉพาะเดือนเมษายนปีนี้ มียอดขายเพิ่มขึ้น 4.90% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
เพื่อเป็นการรองรับกับการเติบโตของตลาด และเป็นการรองรับการเติบโตขององค์กรและรองรับแผนการขยายงานในอนาคต นายประพลกล่าวว่า TK ขณะนี้อยู่ระหว่างการเพิ่มบุคลากรอีก 350 คนจากปัจจุบันที่มีพนักงานอยู่ 1,900 คน กระจายไป 80 สาขาใน 46 จังหวัด
“เราพยายามจะเพิ่มจำนวนพนักงานตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็มาเจอปัญหาน้ำท่วม ทำให้การรับสมัครพนักงานต้องสะดุด แต่หลังน้ำลดแล้ว เรายังไม่สามารถเดินหน้ารับสมัครพนักงานได้เพราะเราต้องการจะรอนโยบายค่าแรงของรัฐบาลให้นิ่งก่อน เราจึงเริ่มรับสมัครใหม่ ซึ่งตอนนี้เราเริ่มเดินหน้าสรรหาพนักงานใหม่ได้แล้ว ซึ่งเราได้รับผลกระทบไม่มากนักจากนโยบายค่าแรง 300 บาทต่อวัน” นายประพลกล่าว
นายประพลกล่าวเพิ่มเติมว่า TK มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 — 4 สาขาในปีนี้ อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการลงทุนในตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับแผนการขยายงานในอนาคต สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ TK ในปีนี้ น่าจะเป็นอีกปีหนึ่งที่จะสร้างสถิติการสร้างกำไรสุทธิสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยปีที่แล้ว มีกำไรสุทธิ 625 ล้านบาท และไตรมาสแรกของปีนี้ มีกำไรแล้ว 136 ล้านบาท