กรุงเทพฯ--4 ก.ค.--เจพี วัน คอนซัลแทนท์
โครงการจตุจักร กรีน Lifestyle Mall แห่งใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Shops in the park” มุ่งเป้าพัฒนาพื้นที่ส่วนหนึ่ง ร่วมกับสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และศูนย์พัฒนาการค้า-การลงทุนแผนใหม่ (ITDC) เพื่อพัฒนาให้พื้นที่ภายในโครงการจตุจักร กรีนเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของตลาดค้าส่ง-ค้าปลีก ระหว่างไทย-จีน อีกทั้งยังเป็นการรองรับการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของตลาด ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีผู้เข้าร่วมสมาคมฯ และสามารถส่งออกไปในตลาดจีนได้ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทในปีแรก และคาดว่าจะสามารถผลักดันสินค้า บริการของประเทศไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้เป็นเป็นจำนวนมาก เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ประเทศได้เป็นจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน
นายศักดา อู่ดาราศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ ทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ผู้บริหารโครงการจตุจักร กรีน กล่าวว่า ณ จุดเริ่มต้นในการพัฒนาพื้นที่โครงการจตุจักร กรีน อีกหนึ่งนโยบายของเรา คือ ต้องการสนับสนุน ส่งเสริมสินค้า และบริการของผู้ประกอบการไทยให้มีการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเราได้เห็นถึงศักยภาพของพื้นที่ของโครงการฯ ที่อยู่ใจกลางเมือง มีการเชื่อมต่อเชิงธุรกิจได้หลายด้าน ทั้งตลาดค้าส่งที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ในเอเชียอย่างตลาดนัดสวนจตุจักร เส้นทางคมนาคมที่สะดวกในการเชื่อมต่อทางธุรกิจได้หลายด้าน อาทิ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(จตุจักร), ทางด่วน, รถไฟฟ้ามหานคร MRT, รถไฟฟ้า BTS-จุดเชื่อมแอร์พอร์ทลิงค์, รถไฟสู่หัวลำโพง ซึ่งถือได้ว่าตั้งอยู่ในย่านทำเลทองเขตเศรษฐกิจทางการค้าของประเทศ ดังนั้นในการพัฒนาจัดสรรพื้นที่โครงการจตุจักร กรีน จึงต้องการมุ่งเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพทางด้านการค้าปลีก-ค้าส่งเพื่อเข้าไปดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศไทย-สาธารณรัฐประชาชนจีน
“โดยวันนี้เราได้รับความมือจากหน่วยงานที่มีศักยภาพอย่างสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และศูนย์พัฒนาการค้า-การลงทุนแผนใหม่ (ITDC) เพื่อร่วมมือในการเดินหน้าช่วยผลักดันส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจ ตลาดการค้าในอนาคตของประเทศให้มีการเติบโต โดยมุ่งเจาะตลาดการค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่จะนำเม็ดเงินกลับสู่ในประเทศได้เป็นจำนวนมาก หากแต่การเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องก้าวอย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์ตลาดอย่างเจาะลึก ดังนั้นความร่วมมือของทั้ง 3 องค์กรในครั้งนี้ ถือเป็นความพร้อมอย่างสมบูรณ์ ทั้งส่วนของพื้นที่ศูนย์กลางกระจายสินค้า ส่วนของการวิเคราะห์ตลาด พื้นที่ทางการค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนของการสนับสนุน ส่งเสริมผลักดันด้านการลงทุน ตลอดจนการหาช่องทางสนับสนุนเงินทุนจากช่องทางต่าง ๆ ดังนั้นความพร้อมในครั้งนี้ เบื้องต้นเราคาดว่าจะมีเงินสะพัดเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการฯ สามารถไปเปิดตลาดใหม่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่น้อยกว่าร้อยล้านบาทในปีนี้อย่างแน่นอน
นายศักดา กล่าวอีกว่า ในการเดินหน้าความร่วมมือของโครงการจตุจักร กรีนในครั้งนี้ เราเชื่อมั่นถึงความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นศูนย์กลาง (HUB) ร้านค้าปลีก-ค้าส่งที่มีศักยภาพของกรุงเทพฯ เนื่องด้วยพื้นที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่มสังคมเมือง อาทิ อาคารสำนัก แหล่งช้อบปิ้ง สวนสาธารณะ สถานบันเทิง และการคมนาคมที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังพื้นที่การเชื่อมต่อตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่างพื้นที่จตุจักรมีอัตราของจำนวนคนไม่น้อยกว่า 80,000 ถึง 100,000 คนในวันเสาร์และอาทิตย์ เม็ดเงินหมุนเวียนในแต่ละปีไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ซึ่งไม่ยากที่จะพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศไทย-จีน ที่เรามุ่งเป้าเพียงปีละร้อยล้านบาทในช่วงต้นของการเดินหน้าโครงการฯ โดยปัจจุบันโครงการจตุจักร กรีน ได้วางกลยุทธ์เบื้องต้นในปีนี้ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ นอกจากการจัดพื้นที่ในการนำเสนอสินค้า บริการแล้ว พื้นที่อีกส่วนเรายังเปิดให้สมาคมฯ ใช้ในการจัดสัมมนา อบรม เพื่อให้ความรู้ในการเตรียมตัวกับกลุ่มผู้ประกอบการ ให้มีความพร้อมที่จะเป็นผู้ค้าที่สามารถนำสินค้าไปเปิดตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และพร้อมให้ทางสมาคมใช้พื้นที่ของโครงการในการนำสินค้า บริการจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาแสดง เพื่อประโยชน์ในภาพรวมของประเทศไทยเป็นสำคัญ
“เป้าหมายของการร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อต้องการที่จะยกระดับให้ผู้ประกอบการทุกแขนงเกิดความพร้อม สร้างมาตรฐานศักยภาพของสินค้าและบริการตรงตามความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการใช้โครงการจตุจักร กรีน เป็น (HUB) ศูนย์กลางในการส่งเสริม ให้ความรู้ และเป็นสถานที่เชื่อมต่อกับร้านค้าปลีก-ค้าส่งต่าง ๆ โดยทั้งหมดยังถือเป็นโรงเรียนชั้นดีในการลงมือเตรียมความพร้อมภายในปี 2015 เพื่อให้ทันกับการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งที่เราเริ่มต้นจะเป็นการวางแผน แนวทางการรับมือที่เห็นเป้นรูปธรรม มีการลงมือทำ ศึกษาตลาด เตรียมพื้นที่รองรับในอนาคตอันใกล้ ที่จะช่วยให้เกิดการกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศต่อไปในอนาคต” นายศักดา กล่าวสรุป
นายภูสิต เพ็ญศิริ รองประธานศูนย์อาเซียน สมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้า กวางตุ้ง-ฮ่องกง กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ต้องขอบคุณโครงการจตุจักร กรีนเป็นอย่างมาก ที่ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ในภาพรวมของประเทศเป็นสำคัญ และมองเห็นถึงโอกาสที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากความร่วมมือในครั้งนี้ ซึ่งเราถือเป็นหน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการในการให้การสนับสนุนนำสินค้า หรือบริการจากประเทศไทยเข้าไปดำเนินธุรกิจในสาธารณรัฐประชาชนจีน และในครั้งนี้สมาคมได้รับการจัดสรรพื้นที่ในส่วนของการนำร่องในการกระจายสินค้าทั้งสิ้น 11 ห้อง เพื่อเป็นส่วนในการส่งเสริม สนับสนุนสินค้า บริการระหว่างทั้งสองประเทศ อีกทั้งโครงการจตุจักรกรีนยังมอบพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กับสมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้ากวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดตั้งเป็นศูนย์กลางรับเป็นที่ปรึกษาทางการค้าก่อนเข้าสู่ตลาดจีนอีกด้วย เพื่อสร้างความพร้อม ความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทยในการเตรียมความพร้อมทางธุรกิจอย่างมีระบบ
“สมาคมส่งเสริมเศรษฐกิจและการค้า กวางตุ้ง-ฮ่องกง มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ตั้งทีมในการวิเคราะห์เชิงลึกถึงศักยภาพของสินค้า บริการ ตลอดจนข้อกำหนด ข้อกฎหมาย การมองหาพื้นที่ที่ตรงกับสินค้า บริการและบริหารงานในการตลาด ประชาสัมพันธ์ในตลาดจีนอย่างตรงจุด โดยโครงการจตุจักร กรีน และสมาคมฯ ได้เล็งเห็นถึงความพร้อม ศักยภาพของพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางความพร้อมในด้านต่าง ๆ ซึ่งเราได้มีการวางกรอบแผนงาน กลยุทธ์ด้านการค้าทั้งแผนระยะสั้น และระยะ 3 ปีนับจากนี้อย่างเป็นระบบ โดยสัดส่วนในแบ่งรายได้กลับคืนให้กับทางโครงการจตุจักร กรีน เป็นลักษณะ GP (Gross Profit) ของรายได้จากผู้ประกอบการที่มาออกร้านค้าในพื้นที่ของโครงการจตุจักร กรีน อีกส่วนหากมีการจัดกิจกรรมในแต่ละไตรมาสทางสมาคมจะคืนค่าบำรุงพื้นที่ให้กับทางโครงการไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพื้นที่อีกด้วย ดังนั้นในความร่วมมือในครั้งนี้สมาคมฯ เห็นถึงนิมิตรหมายที่ดีในการวางกรอบแนวทางที่ชัดเจนของกลุ่มผู้ประกอบการไทย และยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอนาคตอันใกล้ และเห็นถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ เม็ดเงินที่กลับสู่ประเทศในอนาคตอันใกล้” นายภูสิต กล่าวสรุป