"PM Export Award 2555" รางวัลเกียรติยศ กรมส่งออกเผยกระแสแรง! ผู้ประกอบการแห่ชิงรางวัล โดยเฉพาะด้านการออกแบบดี

ข่าวทั่วไป Thursday July 5, 2012 14:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--คูดี กรมส่งเสริมการส่งออก เผยโครงการ 'PM Export Award 2555' ผู้ประกอบการให้การตอบรับดี เชื่อเป็นรางวัลเกียรติยศระดับประเทศ เผยผลงานส่งเข้าประกวดประเภทการออกแบบดี หรือ DEmark กระแสแรง ชี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี ผู้ประกอบการให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์มากขึ้น ขั้นตอนต่อไปเตรียมตรวจเยี่ยมโรงงาน พร้อมลงลึกมาตรฐานการผลิต เฟ้นผู้ประกอบการเปี่ยมศักยภาพรอบด้าน มั่นใจตัวเลขส่งออกปี 2555 ไม่ต่ำกว่า 15% และไม่กังวลน้ำท่วม เชื่อผู้ประกอบการเคยมีประสบการณ์สามารถรับมือได้ทันท่วงที ม.ล.คฑาทอง ทองใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง ความคืบหน้างาน 'PM Export Award 2555' ว่า โครงการนี้มีผู้ประกอบการให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นรางวัลเกียรติยศสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นสิ่งการันตีศักยภาพองค์กรที่นอกจากจะมีความโดดเด่นในเรื่องผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และการทำตลาดที่ดีแล้ว ยังบ่งบอกถึงการมีธรรมาภิบาลที่ดีดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและสังคมอีกด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มมีการเปิดรับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ 'PM Export Award 2555' ใน 5 ประเภทรางวัล ได้แก่ 1. ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter) 2. ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand) 3. ประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award หรือ DEmark) 4. ประเภทธุรกิจบริการส่งออก (Best Service Provider) และ 5.ประเภทสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition) พบว่ามีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 220 บริษัท โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเภทการออกแบบดี (Design Excellence Award หรือ DEmark) ประมาณ 170 บริษัท( 339 รายการสินค้า) รองลงมาคือ ประเภทการใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand) 17 ราย ต่อมาเป็นประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter) และประเภทธุรกิจบริการส่งออก (Best Service Provider) และประเภทสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition) ตามลำดับ โดยจำนวนผู้ประกอบการที่ส่งผลงานเข้าประกวดเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ประมาณร้อยละ 10 “จะเห็นได้ว่าในปีนี้ (2555) ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการส่งผลงานเข้าประกวดในประเภทการออกแบบดี หรือ DEmark มากที่สุด ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของผู้ประกอบการไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบสินค้าให้มีความโดดเด่นแทนการแข่งขันในเรื่องราคาที่สุดท้ายธุรกิจอาจถึงทางตัน เพราะไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบดียังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับสินค้าได้เป็นอย่างดี ส่วนประเภทสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition) แม้จะเริ่มได้เพียง 2 ปี ก็มีผู้ประกอบการส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคณะกรรมการได้มีการพัฒนาหลักเกณฑ์การคัดเลือกอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการให้ผู้ประกอบการโอทอปได้ประสบการณ์และเรียนรู้การดำเนินธุรกิจจากนักธุรกิจรายใหญ่ และภาคภูมิใจกับรางวัลระดับประเทศ” ม.ล.คฑาทองกล่าว สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อรับรางวัล โครงการ 'PM Export Award 2555' ขณะนี้อยู่ในกระบวนการคัดเลือกเบื้องต้นโดยคณะกรรมการตรวจเยี่ยมชมโรงงานของผู้ประกอบการ เพื่อดูมาตรฐานการผลิต โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนหลังจากนี้ ซึ่งเมื่อคัดเลือกผู้ประกอบการที่ผ่านรอบแรกแล้ว จะนำเสนอรายชื่อให้แก่ปลัดกระทรวงพาณิชย์เพื่อคัดเลือกในขั้นตอนสุดท้าย และจัดพิธีมอบรางวัล โครงการ 'PM Export Award 2555' โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 สิงหาคม 2555 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ต่อไป “รางวัล 'PM Export Award 2555' ถือเป็นรางวัลที่มีเกียรติสำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้ธุรกิจของตนได้รับรางวัลดังกล่าว เพราะนอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจต่อองค์กรธุรกิจแล้ว ภาครัฐฯ ยังช่วยประชาสัมพันธ์แก่ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงได้รับสิทธิพิเศษเข้ารับคัดเลือกเป็นอันดับๆ ต้น ให้เข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการส่งออกอีกด้วย” ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการส่งออก กล่าว สำหรับภาพรวมมูลค่าการส่งออกของภาคเอกชน ทางกรมฯ ได้ตั้งเป้าตัวเลขอยู่ที่ร้อยละ 15 ภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันตัวเลขยังติดลบอยู่ที่ร้อยละ 3 เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยยังไม่สามารถฟื้นฟูภาคการผลิตได้เต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม ม.ล.คฑาทอง มั่นใจภาคการส่งออกจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 15 ในขณะที่ปัญหาอุทกภัยที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังวิตกกังวลนั้น เชื่อว่าหากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในปีนี้ คาดว่าผู้ประกอบการจะตั้งรับได้ทัน โดยเฉพาะการบริหารจัดการเรื่องระบบการขนส่ง และการเก็บสต็อกสินค้า จากที่มีประสบการณ์เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ