กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ฟอร์ด ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จ 8 ปี ของการลงทุนในประเทศไทย พร้อมก้าวสู่ปีที่ 9 ด้วยการรักษาความเป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ความหลากหลายของสินค้า การมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมไทย การส่งออก และการลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย และยิ่งไปกว่านั้นคือความสำเร็จในการผลักดันให้รถตระกูล SUV ของฟอร์ด ครองความเป็นเจ้าตลาดคว้ายอดขายสูงสุดติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2546 มั่นใจรักษาความเป็นที่หนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง
นายฉัตรชัย บุนนาค ประธานฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ฟอร์ด ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ในวงการยานยนต์ไทยมาโดยตลอด ทั้งในด้านการสร้างมาตรฐานความปลอดภัย การนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่ประเทศไทย รวมถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องของฟอร์ด ประเทศไทย นับเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยพัฒนาต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้อย่างที่ภาครัฐต้องการจะให้ไทยเป็นดีทรอยท์ออฟเอเชีย (Detroit of Asia)”
“การจะก้าวไปสู่จุดนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีความพร้อม โดยเฉพาะ ผู้ผลิตชิ้นส่วน แรงงานที่มีคุณภาพ เป็นอุตสาหกรรมขาขึ้น หรือ sunrise industry ซึ่งยังมีโอกาสในการขยายตัวอีกมาก โดยจะเห็นได้จากทั้งปริมาณความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น การลงทุนในด้านการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากค่ายรถต่างๆ รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นอย่างดี ยิ่งในอนาคตเมื่อมีการพัฒนาเขตการค้าเสรีและการเจรจาทางการค้ากับประเทศต่างๆ เป็นผลสำเร็จ จะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในความสำเร็จของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพราะเราทำงานภายใต้ความเชื่อที่ว่า “ทุกอย่างเป็นไปได้ ถ้าใจมุ่งมั่น”
บทบาทของฟอร์ด ในฐานะผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
ระบบความปลอดภัยในรถกระบะซึ่งในปัจจุบันได้กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับลูกค้าชาวไทย ฟอร์ดเป็นผู้บุกเบิกการพัฒนากระบะนิรภัยคันแรกของไทยที่มีเบรก ABS ถุงลมนิรภัย คานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง เข็มขัดนิรภัย และโครงสร้างตัวถังนิรภัย เป็นต้น และเป็นรถกระบะที่ได้รับการ ส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ถึง 120 ประเทศทั่วโลก
บทบาทสำคัญในการผลักดันให้รถที่ผลิตยนต์จากโรงงานของผู้ผลิตรถยนต์ เสียภาษีในอัตราเดียวกันกับ รถที่ถูกส่งออกไปประกอบนอกโรงงาน โดยรถกระบะ 4 ประตู เสียภาษีที่อัตรา 12% และรถ PPV เสียภาษีที่อัตรา 18% โดยฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรายแรกที่จำหน่ายรถกระบะ 4 ประตู ที่ผลิตจากโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย
นวัตกรรม “แค็บเปิดได้” ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในสหรัฐ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย และภาครัฐได้ ตัดสินให้รถกระบะรุ่นนี้ เสียภาษีสรรพสามิตที่อัตรา 3% และฟอร์ด มั่นใจว่า กระบะที่มีความ อเนกประสงค์สูงสุด ในรูปแบบ “แค็บเปิดได้” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ให้กับรถกระบะของไทย ในอนาคตอย่างแน่นอน
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือรถ SUV ขนาดกลาง 7 ที่นั่ง ที่ฟอร์ดเข้าไปมีบทบาทสำคัญอีกครั้ง ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยก่อนที่อื่นในโลก ยิ่งไปกว่านั้น รถรุ่นนี้ยังถูกส่งออกไปในอีก 55 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งชี้ให้เห็นมาตรฐานความเป็นสินค้าคุณภาพระดับโลก ที่ลูกค้าในภูมิภาคต่างๆ ให้การยอมรับ ลูกค้าคนแรกของโลกที่ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ของรถรุ่นนี้ คือ คุณแสงชัย ปัญญาธนคุณ ซึ่งได้เป็นเจ้าของก่อนใครในโลก การเปิดตัวเอเวอเรสต์นับเป็นอีกบทบาทหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ในขณะที่รถประเภทเดียวกันนี้ที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย เป็นรถที่ขายอยู่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่ไม่มีการส่งออก
คุณภาพที่ไม่เคยเป็นรองใคร รถยนต์หลากประเภทหลายรุ่นของฟอร์ด สามารถคว้ารางวัลจากสถาบันต่างๆ อาทิ
เรนเจอร์ คว้ารางวัล รถกระบะคุณภาพดีที่สุดจาก เจ.ดี. เพาเวอร์ ถึง 2 ปีซ้อนในปี 2543 และ 2544 รางวัลกระบะยอดเยี่ยมประจำปี 2542 และ 2545 และรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมในปี 2546
เทียร่า ได้รับรางวัลรถยอดเยี่ยมประจำปี 2546 ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์
เอเวอเรสต์ รถ SUV 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัว ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2546 ก็สามารถคว้ารางวัลรถยนต์อเนกประสงค์ยอดเยี่ยมประจำปี 2547 เป็นต้น
โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถรุ่นเรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ที่จังหวัดระยอง ถือเป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกและจำหน่ายในประเทศ ก็สามารถผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน QS9000, ISO9002, ISO14001 และล่าสุด ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ยังเป็นโรงงานแห่งแรกในอาเซียนที่ได้รับ ISO/TS16949:2002 ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการคุณภาพ ที่มีข้อกำหนดเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์
เติบโตต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานในด้านต่างๆ ทำให้ฟอร์ด ประเทศไทย ประสพความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราการเติบโตของทั้งปี 2546 ที่อยู่ในระดับ 33.4% และมียอดขายที่สูงกว่า 25,000 คัน
เจ้าตลาด SUV สำหรับในปี 2547 นี้ ฟอร์ดยังสามารถรักษาความสำเร็จในการเป็นผู้นำในตลาด รถยนต์อเนกประสงค์ หรือ SUV ติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2546 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้ รถ อเนกประสงค์ของฟอร์ด มียอดขาย 5 เดือนแรกรวม 2,585 คัน ครองความเป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าวสูงถึง 27.74%
เติบโตสูงสุด และเร็วที่สุด เปรียบเทียบการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่ปี 2540 ที่ฟอร์ด มียอดขาย 3,845 คัน ในขณะที่ยอดขายปี 2546 มีจำนวนทั้งสิ้น 25,015 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 650.58% ซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไม่มีบริษัทผู้ผลิต รถยนต์รายใดในประเทศไทย จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเทียบเท่าฟอร์ด ประเทศไทย
สินค้าหลากประเภทหลายรุ่น
ปีนี้ บริษัทฯ เปิดตัวรถใหม่ไปแล้ว 3 รุ่น เอสเคป 2.3 ลิตร เรนเจอร์ ไฮไรเดอร์ และเทียร่าใหม่
ยังจะมีรถใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
สินค้า ครบไลน์ ตั้งแต่กระบะสำหรับใช้งานทั่วไป ไล่ไปจนถึงกระบะแบบหรูหรารุ่นลิมิเต็ด
รถ SUV มีตั้งแต่ขนาดใหญ่ เอ็กซ์พลอเรอร์, ขนาดกลาง 7 ที่นั่ง เอเวอเรสต์ และเอสเคป SUV ยอดนิยม ในส่วนของเก๋ง เทียร่า มีให้เลือกเครื่องยนต์ถึง 3 รุ่น คือ1.6L, 1.8L และ 2.0L
การลงทุนอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ด มีความมุ่งมั่นที่จะขยายฐานธุรกิจในประเทศไทยอย่างจริงจัง
ปี 2539 ด้วยเม็ดเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท (500 ล้านเหรียญสหรัฐ) เป็นการวางรากฐานในการผลิตและการดำเนินธุรกิจฟอร์ดในประเทศไทยอย่างจริงจัง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ และ ปี 2546 มร. บิล ฟอร์ด ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานีได้ประกาศลงทุนเพิ่มในประเทศไทยอีก 2.1 หมื่นล้านบาท (500 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อขยายการลงทุนในโรงงานประกอบรถยนต์ บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงงานดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบัน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) เป็นศูนย์กลางการผลิตรถกระบะ 1 ตัน ที่ใหญ่ที่สุดของฐานการผลิตฟอร์ดทั่วโลก และยังเป็นฐานส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ อีกกว่า 120 ประเทศทั่วโลก
ช่วยสนับสนุนการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ ตามนโยบายของภาครัฐต้องการให้ไทยเป็น “ดีทรอยท์ออฟเอเชีย” (Detroit of Asia)
มุ่งมั่นให้บริการด้วยหัวใจ ฟอร์ด มุ่งมั่นพัฒนางานบริการ โดยใช้นโยบาย “มุ่งมั่นให้บริการด้วยหัวใจ” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ซึ่งฟอร์ดผู้นำและริเริ่มเสนอบริการเพิ่มเติมจากงานบริการทั่วไป อาทิ
บริการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
การรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร
การขยายเวลาการรับประกัน Protection Plus
Quality Care รวมทั้ง Blue Oval Certified
Brand@Retail
Corporate Campaign เพื่อเป็นการสนับสนุนงานด้านบริการ ให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในด้านการบริการหลังการขายมากยิ่งขึ้น
ฟอร์ดได้จัดทำซีรี่ส์โฆษณาทางสิ่งพิมพ์ โดยใช้แนวคิดการสร้างคุณค่าทางอารมณ์ให้กับลูกค้า ทั้งความอุ่นใจ สบายใจ ความห่วงใยและความมุ่งมั่นของฟอร์ด ที่พร้อมจะดูแลลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด โดยปัจจุบันโฆษณาชุดนี้ มีทั้งหมด 4 เรื่อง พูดถึงความมุ่งมั่น ในการนำเสนอรถหลากประเภทหลายรุ่น การพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย การให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และโฆษณาชุด สบายใจอะไหล่แท้ฟอร์ด เริ่มต้นที่ 2 บาท
โครงการเพื่อสังคม พร้อมๆ ไปกับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจแล้ว ช่วงเวลาเพียง 8 ปี ที่ ฟอร์ด ประเทศไทย เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ฟอร์ดยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนการพัฒนาสังคมในหลายด้าน อาทิ
การสนับสนุนการประกวดการสร้างหุ่นยนต์
การประกวด Thai Young Designer Awards
โครงการเอทานอลแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2543 และได้สนับสนุนรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ จำนวน 3 คัน ให้กับ ปตท. เพื่อใช้ในการวิจัย เรื่องเชื้อเพลิงดีโซฮอล์ เป็นต้น
การมอบทุนสนับสนุนการพัฒนาสังคม “โครงการร่วมใจพัฒนาสิ่งแวดล้อมและสังคมไทย” อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2543 โดยเป็นการมอบทุนสนับสนุนบุคคล หรือองค์กรที่ริเริ่มและดำเนินโครงการเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาใน 4 ด้านได้แก่ สิ่งแวดล้อม ศิลปะและวัฒนธรรม การอนุรักษ์พลังงาน และการพัฒนาเยาวชน
จุดเด่นของโครงการนี้ คือการที่ฟอร์ด วางตัวเป็นกลาง ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสิน และเชิญคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งจากหน่วยงานราชการ สื่อมวลชน และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ เข้ามาเป็นคณะกรรมการตัดสิน นับเป็นการสนับสนุนโครงการพัฒนาสังคมที่ให้การสนับสนุนตั้งแต่โครงการระดับประเทศต่อเนื่องลงไปถึงในระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง ปัจจุบันมี โครงการต่างๆ กว่า 60 โครงการ ที่ได้รับการสนับสนุนจากฟอร์ด ประเทศไทย รวมเป็นเงินทุนสนับสนุนประมาณ 14 ล้านบาท
ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้จำหน่ายฟอร์ด ในการจัดทำโครงการเพื่อคืนกำไรสู่สังคมในท้องถิ่นของผู้จำหน่ายฟอร์ด อาทิ จังหวัดอุดร จัดการแข่งขันเทนนิส, จังหวัดภูเก็ต จัดการแข่งขันกอล์ฟ และจังหวัดระยอง จัดโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล เป็นต้น
การก้าวขึ้นสู่ปีที่ 9 นับเป็นนิมิตหมายอันดีของฟอร์ด ประเทศไทย ในการที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น ประสบการณ์ 8 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นบทเรียนที่เราต้องนำมาใช้พัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น โดยจะยึดถือตามนโยบายหลักของฟอร์ดทั่วโลก คือเรื่องของลูกค้า และคุณภาพต้องมาเป็นที่หนึ่งเสมอ
ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ หรือ 3Ps คือ
Product ต้องมีสินค้าหลากประเภทหลายรุ่น ให้ลูกค้าได้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม
People ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ต้องเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน มีการ อบรมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
Process หรือระบบในการทำงาน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สุดของฟอร์ด ในการดำเนินธุรกิจจนครบ 101 ปี ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การมีความชัดเจนในแต่ละขั้นตอน การทำงานอย่างเป็นระบบ และสามารถปรับตัว รองรับการเปลี่ยนแปลงตามโลกได้อย่างรวดเร็ว คือหัวใจของความสำเร็จ
“ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นและก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเราทำงานภายใต้ความเชื่อที่ว่า ยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมายรออยู่ข้างหน้า ถ้ามุ่งมั่นวิ่งเข้าหาด้วยใจก็จะคว้าได้ในที่สุด และเราพร้อมแล้วที่จะสานต่อความสำเร็จ และสร้างฟอร์ดให้เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งเป็นองค์กรตัวอย่างที่มุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ด้วยสินค้าคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมไทยให้ยั่งยืนอย่างแท้จริง” นายฉัตรชัย กล่าวสรุป
ยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมายรออยู่ข้างหน้า
ถ้ามุ่งมั่นวิ่งเข้าหาด้วยใจ...ก็จะคว้าได้ในที่สุด
ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าใจมุ่งมั่น--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--