กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส
เสียงร้องเหมียวๆ
ปราดเปรียว ลึกลับ อันตราย และเซ็กซี่ แคทวูแมนไม่เคยมีปัญหากับการสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ …หรือการสร้างศัตรู เธอเป็นผู้ปกป้องให้กับผู้ตกเป็นเบี้ยล่างในบางครั้ง เธอไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง มีอิสระที่จะเดินอยู่ทั้งในความมืดและแสงสว่าง เธอเป็นซูเปอร์ฮีโร่และผู้ต่อต้านในคนเดียวกัน และในภาพยนตร์เรื่อง Catwoman ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส ในที่สุดเธอก็มีโอกาสใช้อุ้งเล็บตะปบจอใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดง
“แคทวูแมน เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องแฟนตาซี” ฮัลลี่ แบร์รี่กล่าว เธอรับบทวายร้ายที่ไมีเชื่อง “เธอเป็นคนที่ผู้หญิงทุกคนอยากเป็น และผู้ชายทุกคนอยากอยู่ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยเหมือนผู้หญิงอย่างแท้จริงในหลายๆ ด้าน — แมวว่องไวเหมือนปรอท และต้องใช้เวลาที่จะได้รับความไว้วางใจและการยอมรับนับถือจากพวกมัน มันไม่ได้เป็นอะไรที่ได้มาฟรีๆ ฉันเคยได้ยินที่เขาพูดกันว่าหมามีเจ้าของ แต่แมวมีคนรับใช้ แล้วมันก็จริงซะด้วย!”
ตั้งแต่เปิดตัวในหนังสือการ์ตูนเป็นครั้งแรก ในชื่อ ‘The Cat’ ในหนังสือการ์ตูนของ DC Comics ฉบับ Batman #1 ในปี 1940 ตัวละครแคทวูแมนได้ผ่านการเกิดมาหลายต่อหลายครั้งในระหว่างการเดินทางจนกลายมาเป็นรูปแบบที่ดูลับๆ ล่อๆ อย่างที่เห็นในวันนี้ “เนื่องจากธรรมชาติของเธอซึ่งเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เราจึงมีอิสระในการถ่ายทอดความเป็นตัวละครตัวนี้” เอ็ด แมคดอนแนล ผู้อำนวยการสร้างให้ความเห็น “ภาพยนตร์ของเราคงไว้ซึ่งอรรถรสของแคทวูแมน ในขณะเดียวกันก็นำเธอมาสู่ความทันสมัย”
Catwoman สร้างความหักมุมใหม่ๆ ให้กับเรื่องราว ด้วยการแนะนำตัวละคร เพเชียนส์ ฟิลลิปส์ หญิงสาวที่ต้องการพลังให้กับตนเองเป็นอย่างยิ่ง — ไม่ต้องพูดถึงการเล่นสนุกอีกเล็กน้อย เธอได้พบกับทั้งสองอย่างเมื่อเธอได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกลับ ให้เป็นแคทวูแมนที่เปี่ยมอันตราย “ผมอยากจะเล่าถึงเรื่องต้นกำเนิดที่แท้จริงของตัวละครตัวนี้” เดนิส ดิ โนวี ผู้อำนวยการสร้าง อธิบาย “เพื่อแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวคนหนึ่งกลายเป็นแคทวูแมน และมันหมายความว่าอย่างไรที่เกี่ยวข้องกับพลังของแมว”
“นี่เป็นแคทวูแมนของศตวรรษที่ 21” แบร์รี่บอก “เธอทันสมัยมากและสะท้อนถึงวัฒนธรรมของเราที่สั่งสมกันมา อย่างที่เรารู้จักกันในวันนี้ แคทวูแมนของเรา โดยทฤษฎีแล้วเป็นหนึ่งในหลายๆคน ที่เคยเป็นมาก่อน และที่จะเป็นต่อไปจากเธอ — เพเชียนส์กับฉันเป็นเพียงผู้หญิงที่โชคดีคนต่อไปที่ถูกเลือก”
เมื่อตื่นขึ้นมาพบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ เพเชียนส์ก็ต้องช็อคเมื่อพบว่าตนเองมีบุคลิกลักษณะใหม่ที่คาดไม่ถึงเพิ่มขึ้นมาอย่างปุบปับ ในขณะที่เพเชียนส์แสนจะสุภาพเรียบร้อย แต่แคทวูแมนห้าวหาญและกล้าในทางยวนยั่ว; ในขณะที่เพเชียนส์มีแต่ความไม่มั่นใจในตัวเอง แคทวูแมนก็ปลดปล่อยความมาดมั่นและพลัง การคัดเลือกตัวแสดงที่ต้องข้ามผ่านการปฏิวัติตนเองอย่างฉับพลันและสุดขีด นับเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทีมผู้สร้าง ซึ่งหันไปหานักแสดงหญิงเพียงคนเดียวที่พวกเขาเชื่อว่าจะสามารถรับมือกับความโหดหินของบทบาทนี้ : ฮัลลี่ แบรี่ ดารามีฝีมือระดับรางวัลตุ๊กตาทอง
“ความพิเศษของฮัลลี่นั้น ไม่ได้มีเพียงแต่ความน่าสงสารและน่าชื่นชอบ เธอยังเซ็กซี่และแข็งแกร่ง” ดิโนวีอธิบาย “เธอมีความสามารถที่จะแสดงได้อย่างลื่นไหลและน่าเชื่อถือ ในสิ่งที่จำเป็นของบทบาท: เพเชียนส์ก่อนการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นคนออ่นไหวและขี้อาย; เพเชียนส์ในช่วงเปลี่ยนแปลง เมื่อเธอรู้สึกอึดอัดกับการมีตัวตนของแคทวูแมน; และท้ายที่สุดหลังจากที่เธอได้กลายมาเป็นแคทวูแมนอย่างเต็มตัว”
ตามที่แบรี่ได้เล่าให้ฟังนั้น ในช่วงที่ดีโนวีชีชวนให้เธอรับบทนี้ เรื่อง Catwoman เหมือนเป็นสิ่งที่หมอสั่ง “ฉันได้พบว่าหนังวิ่งเข้ามาหาฉัน เพื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตจริง” นักแสดงสาวกล่าวย้ำ “ฉันต้องเป็นแคทวูแมน ฉันต้องควบคุมชีวิตตัวเอง และการได้ใส่ชุดนั้นทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมาก ฉันรู้สึกมีพลังอำนาจ แข็งแกร่ง และเซ็กซี่ — เชื่อมโยงกับตัวฉันในฐานะผู้หญิง”
แคทวูแมนต่างไปจากเพเชียนส์ เธอไม่เพียงแต่เข้าใจถึงการครอบครองและความรู้สึกใหม่เท่านั้น — แต่เธอยังสร้างรสชาติให้มันด้วย “ฉันคงไม่ถึงกับเรียกเธอว่าเป็นบุคคลตัวอย่าง” แบรี่เตือนพร้อมกับหวัเราะ “เพราะเธอทำเรื่องซุกซนหลายอย่าง เธอเป็นคนน่ารักแกมซุกซน และ ซุกซนแกมน่ารัก ยังไงก็ตามฉันพูดได้ว่า เพเชียนส์เรียนรู้การรักษาคุณค่าของลูกผู้หญิงที่ได้ค้นพบความต้องการและปรารถนาของตนเองไว้”
นักแสดงสาวยังชื่นชมกับองค์ประกอบในช่วงต้นของหนังที่มีไม่มากนัก “นี่เป็นหนังแอ็คชั่นผจญภัยนั่งไม่ติดก้นแห่งซัมเมอร์ แบบที่นั่งดูไปกินข้าวโพดคั่วไป” เธอกล่าวย้ำ “มีเรื่องราวน่ารักๆ หวานๆ และการต่อสู้แบบแมวกัดกันเยอะ ฉันบอกไปแล้วหรือยังว่าเธอค่อนข้างซุกซน?”
ผู้โชคดีที่ได้เจอด้านดีของเพเชียนส์ และด้านซุกซนของแคทวูแมน ก็คือ นายตำรวจนักสืบ ทอม โลน ซึ่งรับบทโดย เบนจามิน แบรตต์ ดาราที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มมี่ “เบนให้ความรู้สึกถึงพลัง และความดี และความเป็นคน” ดิโนวีเอ่ยชม “เขาเป็นพระเอกที่โรแมนติคอย่างเหลือเชื่อ และเขากับฮัลลี่เข้ากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ในเรื่อง”
โลนถูกดึงดูดเข้าหาเพเชียนส์หลังจากที่ได้พบกันโดยบังเอิญ แต่สัมพันธภาพที่ดูเหมือนจะไปได้สวยนั้นกลับต้องตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวายเมื่อแคทวูแมนปรากฎตัวขึ้น — โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญที่ว่องไวเหมือนปรอท ซึ่งพัวพันกับคดีอาชญากรรมหลายคดี ที่นักสืบกำลังทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รู้ตัว นักสืบหนุ่มกำลังมีความสัมพันธ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน กับบุคลิกสองด้านของคนๆ เดียวกัน เกมแมวไล่หนูเริ่มระอุขึ้นในขณะที่โลนเริ่มตั้งข้อสงสัยถึงความเกี่ยวข้องที่เพเชียนส์มีต่อแคทวูเมนผู้ลึกลับ
“โลนเป็นคนที่พูดตรงไม่อ้อมค้อม” แบรตกล่าว “เขาเป็นนักสืบที่ทำงานดี และเขาเชื่อถูกและผิด ดำและขาว — แต่ไม่ค่อยมีสีเทาในโลกของเขา มันจึงนับเป็นปัญหาที่น่าสนใจ เมื่อเขามอบความรู้สึกให้กับใครบางคนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับบางอย่างที่คลุมเครือหรือไม่ก็ตาม”
“เธอสร้างความเคลือบแคลงให้กับเขา” แบรี่กล่าว “เพราะเธอต่อสู้เพื่อคนดี แต่เธอทำมันนอกกรอบของกฎหมาย หรือเธอจะเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการเพียงความสนุก? ยอดเยี่ยมที่สุด? ยอดเยี่ยม แล้วเธอดีเลิศรึเปล่า? ไม่อย่างแน่นอน แต่ความตั้งใจของเธอนั้นดี และโลนต้องลำบากใจว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี”
บุคลิกใหม่ที่เริ่มแตกหน่อของเพเชียนส์นับว่าซับซ้อนเสียยิ่งกว่าชีวิตรักของเธอเสียด้วยซ้ำ — มันทำให้เธอถูกไล่ออกจากงานที่บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ ฮีแดร์ บิวตี้ (Hedare Beauty) ; จอร์จ ฮีแดร์ นายของเธอ รู้สึกไม่พอใจกับลูกจ้างของเขาที่เคยเป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่จู่ๆ กลับชื่นชอบการกบฎขึ้นมาอย่างปุบปับ แลมเบิร์ต วิลสัน และชารอน สโตน รับบทเป็น จอร์จ และลอเรล ฮีแดร์ สามีภรรยาผู้คลั่งไคล้การปะทะคารมกันเป็นอย่างมาก ซึ่งร่วมกันบริหารงานบริษัทที่มีชื่อเสียง
“ฮีแดร์เป็นตัวแทนของบรรดาบริษัทเครื่องสำอางหลายแห่งในโลกที่ฝากความหวังไว้กับความรู้สึกไม่มั่นใจของผู้หญิง” ดิโนวีกล่าว “เพราะคำพูดที่ว่าคุณต้องดูอ่อนกว่าวัย และต้องสวยเนี้ยบ และเราก็เล่นมุขนี้เยอะมากในหนัง แคทวูแมนพบว่าบริษัทแห่งนี้กำลังวางแผนชั่วร้ายบางอย่าง และตัดสินใจว่าเธอจะต้องหยุดยั้งมัน — ด้วยทุกวิธีที่จำเป็น”
ภรรยาของจอร์จ ลอเรล ฮีแดร์ ซูเปอร์โมเดล กำลังมีปัญหาของเธอเอง ใบหน้าของเธอถูกใช้เป็นสัญญลักขณ์ของบริษัทมาหลายปี แต่สามีของเธอตัดสินใจว่าเธอแก่เกินกว่าที่จะเป็นตัวโฆษณาให้กับธุรกิจที่มีจุดขาย ซึ่งต้องสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้หญิงว่าพวกเธอควรดูอ่อนกว่าวัยเพื่อให้เป็นจุดสนใจ เขาจึงออกคำสั่งให้ลอเรลก้าวลงจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กับสาววัย 22 ที่จะมาแทนที่เธอ — แม้อาจต้องใช้มากกว่าวิธีเดียว แต่ลอเรลไม่เป็นคนที่จะยอมจากไปอย่างเงียบๆ และเธอก็รู้ว่าจะแก้แค้นได้อย่างไร
สำหรับบทบาทนางงามของลอเรล ฮีแดร์ ทีมผู้สร้างได้หันไปหา ชารอน สโตน นักแสดงหญิงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง ซึ่งตัวเธอเองก็เคยเป็นนางแบบมาก่อน “ชารอนเข้มแข็งและเธอมีบุคลิกที่เปี่ยมพลัง” ดิโนวีกล่าว “เธอเหมาะที่สุดกับบทผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของความงามสมบูรณ์แบบ และยังทำให้เกิดความรู้สึกทรงอำนาจในบรรยากาศของความเป็นองค์กร”
“ฉันสนุกกับการรับบทนี้ เพราะว่าฉันรู้ ‘เรื่องโจ๊ก’ ของลอเรล” สโตนเล่าถึงตัวละครที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นของเธอ “ฉันจะไม่เที่ยวไปพูดว่าตัวเองอายุ 35 เพราะว่าฉันไม่เชื่ออย่างนั้น แต่ลอเรลต้องทนกับความกดดันจากรอบข้างเพื่อจะทำให้ดูเด็กอยู่เสมอ เพื่อให้สวยสมบูรณ์แบบ — ‘ที่มากกว่า’ เหมือนสโลแกนของฮีแดร์ ฉันชอบในสิ่งที่หนังเรื่องนี้พูดถึงการค้นหาตัวเอง และให้พลังกับตัวเองที่จะเป็นตัวเอง ไม่มาก ไม่น้อย แค่เป็นตัวเอง”
เมื่อเพเชียนส์เกิดใหม่เพื่อเป็น แคทวูแมน เธอทั้งสับสนและตกใจเป็นอย่างยิ่งกับพลังทางกายที่น่าตื่นตระหนก ไม่ต้องพูดถึงความสนใจอย่างปัจจุบันทันด่วนที่เธอมีต่อพวกหนู เบาะแสเพียงอย่างเดียวที่เธออาจเดาได้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น คือการปรากฎตัวอย่างลึกลับของแมวแสนสวย ที่มักจะมาให้เห็นในช่วงล่อแหลมของชีวิตของเพเชียนส์ ป้ายห้อยคอของแมวนำเธอไปสู่บ้านของโอเฟเลีย พาวเวอร์ส หญิงสาวผู้ ‘รักแมว’ ที่ดูแปลกๆ และรักสันโดษ ที่ชตาถูกลิขิตให้กลายมาเป็นครูและผู้ชี้นำให้กับเพเชียนส์
โอเฟเลีย รับบทโดยฟราเนเซส คอนรอย ดาราฝีมือระดับรางวัลลูกโลกทองคำ และเคยเข้าชิงสองรางวัลเอ็มมี่ จาบทรุธ ฟิชเชอร์ ในดาราม่าเรื่องฮิตทาง HBO เรื่อง Six Feet Under “ในตอนแรกโอเฟเลียก็ดูเหมือนเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง ซึ่งเลี้ยงแมวไว้เป็นจำนวนมาก” คอนรอยกล่าว “แล้วเราก็รู้สึกได้ว่าเธอมาที่นั่นโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อให้เพเชียนส์เติบโตขึ้นจากเด็กสาวซึ่งชีวิตของเธอได้ถูกพรากไป สู่ความเป็นผู้หญิงที่ได้ชีวิตกลับคืนมา เธออธิบายถึงความตายของเพเชียนส์ และการถูกนำกลับมา ว่าเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงอีกหลายคนที่ผ่านมาโดยตลอด”
“ลองนึกดูสิ!” แบรี่กล่าว “มันเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสขนาดไหนที่เราต้องแบกรับ แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เพเชียนส์ได้ค้นพบว่า แม้สถานการณ์อาจแปลกประหลาด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วกับเธอ และเธอก็อ้าแขนรับมันไว้”
“ผมโชคดีมากที่เรามีกลุ่มนักแสดงเปี่ยมความสามารถที่น่าทึ่งในหนังของเรา” ดิโนวีกล่าว “การแสดงของพวกเขาเป็นสิ่งจำเป็นในการเล่าเรื่องราว ในแบบที่ผมจินตนาการเอาไว้มาตลอด”
การตัดสินใจเลือกผู้กำกับฯ ของทีมผู้สร้างยังนับเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างหนังที่ดิโนวีอยากทำ ท้ายที่สุดพวกเขาได้เลือก พิทอฟ ผู้กำกับฯ หัวสร้างสรรค์ชาวฝรั่งเศส “ผมอยากให้ Catwoman มีสไตล์ดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์ และพิทอฟเป็นนักจินตนาการที่ยอดเยี่ยมมาก” ดิโนวีกล่าว “เขาทำให้หนังออกมามีพลังและให้ความบันเทิงได้อย่างเหลือเชื่อ”
Catwoman เป็นการกำกับฯ หนังอเมริกันเรื่องแรกของพิทอฟ เขาเริ่มอาชีพด้วยการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับฯ และผู้ลำดับภาพให้กับภาพยนตร์และหนังโฆษณา และต่อมากลายเป็นผู้บุกเบิกงานด้านภาพดิจิตัลในฝรั่งเศส ผลงานกำกับฯ ภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่องแรกของพิทอฟคือเรื่อง Vidocq ภาพยนตร์น่าสนใจที่ถ่ายทอดงานวิชวลเอ็ฟเฟ็คอันลือลั่น
“เรากำลังมองหาทางที่จะสร้างหนังที่มีลักษณะพิเศษ” แมคดินแนลกล่าว “พอเราได้ดูเรื่อง Vidocq, เราก็รู้ทันทีว่าพิทอฟเป็นคนๆ นั้น เขาเป็นคนมีสไตล์อย่างเหลือเชื่อ โดยไม่ต้องทำอะไรมากเกินไป และการใช้เลนส์และกล้องของเขาก็น่าทึ่งมาก คนดูจะต้องได้รับความบันเทิงในวิธีการที่เขาใช้เล่าเรื่อง”
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่มีแรงดึงดูดขนาดนั้น” พิทอฟกล่าว “เมื่อคุณได้ดูในประวัติศาสตร์ของแคทวูแมน และบรรดาผู้หญิงที่เคยรับบทของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันจะมีสปิริตที่คล้ายคลึงกันระหว่างพวกเธอ นั่นคือสปิริตของความมั่นใจ และความเป็นตัวของตัวเองที่ทำให้แคทวูแมนมีเสน่ห์สำหรับผม และเป็นสิ่งที่จับใจคนดูตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา"--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--