กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี มูลค่ารวม 700 ล้านบาท เริ่มจำหน่าย 13 ก.ค. 2555 ผ่าน บล. เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุการออกหุ้นดังกล่าวเพื่อมารองรับการขยายธุรกิจของบริษัทที่มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6 — 8 โครงการ ทั้งโครงการแนบราบ, คอนโด และการขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัด ระบุตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2,550 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีที่ผ่านมา 15%
นายไชยยันต์ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งให้ บล.เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท อายุ 3 ปี มูลค่า 700 ล้านบาท เพื่อเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ นักลงทุนรายใหญ่โดยมีกำหนดออกวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ทั้งนี้การออกหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อนำมารองรับการขยายธุรกิจของบริษัทซึ่งมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6 - 8 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 2 - 3 โครงการ , คอนโดมิเนียม 2 - 3 โครงการ และจะมีการขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ ทั้งในภาคตะวันออก อาทิ จังหวัดชลบุรี ระยอง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี เป็นต้น อีกอย่างน้อย 3 — 4 โครงการภายในปีนี้
“บริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการแข่งขันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยแบ่งการบริหารงานออกเป็น SBU1 (Brand เดิม ลลิล กรีนวิลล์, บ้านลลิล และบ้านบุรีรมย์) และ SBU2 ( บ้าน Lanceo, ทาวน์โฮม LIO, และ คอนโดมิเนียม LEVO) ทำให้บริษัทมีความคล่องตัว และสามารถเน้น Target Customer ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงความต้องการของทุกกลุ่ม โดยเน้นการเติบโตที่ยั่งยืน และแข็งแกร่ง โดยมีแผนที่จะขยายธุรกิจให้ครอบคลุม Segment ตลาดที่กว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตลาดกลาง-บน กลางล่าง-ล่าง ฯลฯ ด้วย” นายไชยยันต์ กล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2555 บมจ.ลลิล มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.31 เท่า ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับประมาณ1.35 เท่า ซึ่งแม้ภายหลังการออกหุ้นกู้ D/E Ratio ของบริษัทจะยังคงอยู่ในช่วงเพียง 0.4-0.5 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก ในส่วนของยอดขายบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 2,550 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ไว้ที่ 2,150 ล้านบาทเติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า