บีโอไอบุก 2 ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมโลก สหรัฐฯ-อินเดีย ตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ข่าวเทคโนโลยี Friday July 9, 2004 15:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--บีโอไอ
บีโอไอรุกตลาดหลัก สหรัฐ-อินเดีย เดินหน้าชักจูงการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ใน 2 ประเทศผู้นำอุตสาหกรรมของโลก โดยสหรัฐฯ มุ่งเน้นในอุตสาหกรรมไอที และอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ส่วนอินเดียมุ่งยานยนต์ อาหาร ประมง อุปโภค-บริโภค ไอที เทคโนโลยีชีวภาพ
นายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า บีโอไอจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ใน 2 ประเทศอุตสาหกรรมรายใหญ่ ได้แก่ สหรัฐฯ ในระหว่างวันที่ 10 - 22 กรกฎาคม 2547 และอินเดีย ระหว่างวันที่ 9 - 14 กรกฎาคม 2547 เพื่อชักจูงการลงทุนใน 2 ประเทศมายังประเทศไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่แต่ละประเทศมีศักยภาพการลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับการเดินทางไปโรดโชว์ในสหรัฐฯ ในครั้งนี้ มีรองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เป็นหัวหน้าคณะ โดยจะเดินทางไปพบกับนักธุรกิจ และสมาคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ ซีแอทเติล พอร์ตแลนด์ ซานโฮเซ่ และซาน ฟรานซิสโก เพื่อชักจูงและสร้างโอกาสให้นักลงทุนจากสหรัฐฯ มาร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทย อีกทั้งยังจะเข้าพบกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท เอเอ็มดี อินเทล และซีเกท ซึ่งนับเป็น 3 ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมไอทีของโลก
นอกจากนี้ ยังมีการจัดสัมมนา ในหัวข้อลู่ทางและโอกาสของอุตสาหกรรมไอซีที อิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ ในประเทศไทย ณ เมืองซีแอทเติล และเมืองพอร์ตแลนด์ เพื่อชี้ให้นักลงทุนสหรัฐฯ เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นฐานการผลิตฮาร์ดดิสไดร์ฟสำคัญอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นผู้ผลิตสำคัญอันดับ 5 ของโลกในอุตสาหกรรมการผลิต printed writing board (PWB) และ printed circuit board (PCB)
สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่นักลงทุนสหรัฐฯ มีศักยภาพเข้ามาลงทุนในไทยนั้น นอกจากอุตสาหกรรรมไอที อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมผลิตซอฟต์แวร์แล้ว ยังมีอุตสาหกรรมบริการที่นักลงทุนสหรัฐฯ มีความพร้อมในการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้สหรัฐฯ นับเป็น
ประเทศผู้ลงทุนอันดับ 2 ในประเทศไทยรองจากญี่ปุ่น ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 มีการลงทุนจำนวน 21 โครงการ มีมูลค่ามากถึง 22,322.5 ล้านบาท โดยการลงทุนส่วนใหญ่เป็นของบริษัทซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 2 โครงการ มีมูลค่า 16,778 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจนักลงทุนสหรัฐฯ ที่ลงทุนในไทย ของหอการค้าอเมริกันในกลุ่มประเทศอาเซียนประจำปี 2547 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยสมาชิกของหอการค้าอเมริกันในไทย และบริษัทอเมริกันต่างมองว่าการลงทุนในไทยจะให้ผลตอบแทนที่ดี และกว่า 80% ของสมาชิกหอการค้าอเมริกันมีแผนที่จะขยายธุรกิจในไทย เพราะตลาดในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แผนการขยายธุรกิจการลงทุนในจีน เวียดนาม และอินเดียอาจจะลดน้อยลง
นายสมพงษ์ กล่าวว่า นอกจากการเดินทางไปโรดโชว์ในสหรัฐฯ แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บีโอไอยังได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไทย นำโดยนายกร ทัพพะรังสี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จัดโรดโชว์ ใน 2 เมืองเศรษฐกิจของอินเดีย ได้แก่ เชนไน และบังกาลอร์ โดยร่วมมือกับ Federation of Indian Chambers of Commerce and Industry (FICCI) จัดงาน working dinner ที่เมืองเชนไนและร่วมกับ Confederation of Indian Industry (CII) จัดงาน Working lunch ที่เมืองบังกาลอร์ นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังจะเข้าเยี่ยมคารวะมุขมนตรีของรัฐทามิล นาดู และรัฐคาร์นาทากะ อีกด้วย
ในส่วนของ บีโอไอ จะมีการจัดสัมมนาในหัวข้อ โอกาสและลู่ทางการลงทุนในประเทศไทย ที่เมืองบังกาลอร์ และนิวเดลี รวมทั้งการจัดกิจกรรมพบปะเจรจาระหว่างนักลงทุนไทยและอินเดียแบบ One on One Meeting เพื่อเป็นการขยายโอกาสการลงทุนของนักลงทุนทั้ง 2 ฝ่ายในการพบปะเจรจาถึงลู่ทางการทำธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งอินเดียมีศักยภาพ ได้แก่ อุตสาหกรรมไอที อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป อุตสากรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นการย้ำเจตจำนงของรัฐบาลไทยในการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอินเดีย และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย
สำหรับการลงทุนของอินเดียในไทยในปี 2546 มีจำนวน 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 3,519.3 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเบาและสิ่งทอมากที่สุด รองลงมาคืออุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และกระดาษ และอันดับ 3 อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 มีการลงทุนจากอินเดียจำนวน 6 โครงการ มีเงินลงทุน 155.7 ล้านบาท โดยอันดับ 1 ยังเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเบา และสิ่งทอ--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ