กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--โรงพยาบาลสมิติเวช
จากการที่มีข่าวการแพร่ระบาดของโรค “มือ เท้า และปาก” (Hand-Foot-Mouth Disease) จากประเทศเพื่อนบ้าน รพ.สมิติเวช ได้ตื่นตัวในการเฝ้าระวัง และตั้งรับกับโรคดังกล่าว โดยเบื้องต้นได้ทำการจัดการความรู้เกี่ยวกับโรค เพื่อนให้ประชาชนมีความรู้ ทำความเข้าใจ และป้องกันสาเหตุต่างๆ อันอาจจะทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้
โรค “มือ เท้า และปาก” (Hand-Foot-Mouth Disease) นี้มีลักษณะคือ มีผื่นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และมีแผลในคอ บางรายมีแผลทั่วปาก ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีระยะฟักตัวของโรค ตั้งแต่ 3 ถึง 6 วัน
- อาการ เริ่มแรกจะมีไข้ เจ็บคอ เจ็บในปาก เบื่ออาหาร น้ำลายไหล ตรวจร่างกายพบแผลที่คอ อีก 1-2 วัน ต่อมาจะมีผื่น ลักษณะเป็นจุดแดงๆ หรืออาจมีตุ่มน้ำใสปะปนด้วย ไม่เจ็บ ขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า ทั้ง 2 ข้าง ในบางรายอาจเป็นผื่นแดงตามลำตัวที่ก้นและขา โรคจะดำเนินไปประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะค่อยๆ หายได้เอง
- เชื้อที่เป็นสาเหตุ
- ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ Coxsachie A 16
- ส่วนน้อยเกิดจากเชื้อ Enterovirus 71 ซึ่งมีอันตรายมากกว่าเพราะเชื้อตัวนี้อาจลุกลาม ทำให้มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เนื้อสมองอักเสบหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้
- การติดต่อ เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย เชื้อไวรัสนี้จะอยู่ในน้ำลายและอุจจาระของผู้ป่วย เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางปาก ในชุมชนที่แออัด หรือโรงเรียนอนุบาลที่มีเด็กจำนวนมาก จะพบการติดต่อแพร่กระจายของโรคได้บ่อย
- การวินิจฉัย โดยอาศัยลักษณะอาการของโรค การวินิจฉัยที่จะยืนยันทำได้โดยการเพาะเชื้อไวรัสจากตุ่มในคอ น้ำลายและอุจจาระของผู้ป่วย และการทดสอบปฏิกิริยาน้ำเหลือง
- การรักษา ยังไม่มีวิธีการรักษาโดยจำเพาะ ต้องอาศัยการรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง
- วิธีป้องกัน ไม่สัมผัสกับเด็กที่ป่วย ไม่พาเด็กไปในที่มีคนมากๆ และสอนเด็กให้ล้างมือเมื่อออกจากห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร จะช่วยไม่ให้โรคแพร่กระจายต่อไป
ทั้งนี้ หากมีอาการน่าสงสัย หรืออยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรคดังกล่าว ให้พาผู้ป่วยรับการวินิจฉัยเพื่อให้อยู่ในการดูแลขอแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยความห่วงใยจาก โรงพยาบาลสมิติเวช โทร 0-2711-8181