เอชเอสบีซี เผยผู้จัดการกองทุนมองการลงทุนในตลาดหุ้นสดใสขึ้นในไตรมาส 3/55

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 11, 2012 11:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี ***ผู้จัดการกองทุนอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง สนใจลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ และตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน ***ผู้จัดการกองทุนแค่ 1 ใน 10 รายให้น้ำหนักลงทุนในพันธบัตร ธนาคารเอชเอสบีซี เผยผลการสำรวจแนวโน้มการลงทุนของผู้จัดการกองทุนครั้งล่าสุด พบว่า ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกเตรียมโยกเงินลงทุนจากตลาดพันธบัตรไปยังตลาดหุ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ ผลการสำรวจ พบว่า ในไตรมาส 3/55 มีจำนวนผู้จัดการกองทุนเพิ่มขึ้นที่ให้ความสนใจลงทุนในหุ้น โดยร้อยละ 40 ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นมากขึ้น (overweight) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีเพียงร้อยละ 25 ขณะที่มีผู้จัดการกองทุนเพียงร้อยละ 10 ลดลงจากร้อยละ 25 ของไตรมาส 2/55 ที่เห็นว่าหุ้นไม่น่าสนใจ ผู้จัดการกองทุนเริ่มใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในตลาดพันธบัตร หลังจากที่พันธบัตรบางประเภทมีมูลค่าสูงเกินกว่ามูลค่าพื้นฐาน เนื่องจากมีกระแสเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ มีร้อยละ 30 ที่เห็นว่าควรลดการลงทุนในพันธบัตร จากไตรมาสก่อนที่ไม่มีรายใดเลยที่ปรับลดการลงทุน ขณะที่มีผู้จัดการกองทุนเพียง 1 ใน 10 ราย หรือร้อยละ 10 ที่ยังมองว่าการลงทุนในพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่ดี สำหรับกลยุทธ์การถือครองเงินสด พบว่า มีจำนวนผู้จัดการกองทุนเพิ่มขึ้นที่มองเป็นกลาง คิดเป็นร้อยละ 56 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 50 ในไตรมาส 2/55 สะท้อนว่าผู้จัดการกองทุนมองภาพรวมการลงทุนในตลาดค่อนข้างเป็นบวก นายวินีต โวฮ์รา ผู้อำนวยการบริหารระดับภูมิภาค ฝ่ายการพัฒนาความมั่งคั่ง ธนาคารเอชเอสบีซี ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า "ผลการสำรวจสะท้อนว่าผู้จัดการกองทุนทั่วโลกเริ่มรู้สึกมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น โดยคลายความกังวลต่อการล่มสลายของสกุลเงินยูโรลงไปบ้าง และเริ่มเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งมีมูลค่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน" ผู้จัดการกองทุน 7 ใน 10 รายเห็นว่าตลาดหุ้นอเมริกาเหนือน่าลงทุน เป็นเพราะเศรษฐกิจของอเมริกาเหนือค่อนข้างแข็งแกร่ง ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนครึ่งหนึ่งให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป(ไม่รวมสหราชอาณาจักร) ผู้จัดการกองทุนเริ่มให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น โดยร้อยละ 40 สนใจลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) และร้อยละ 50 สนใจลงทุนในตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน (Greater China) และไม่มีรายใดเลยที่ปรับลดการลงทุนในกองทุนหุ้นตลาดเอเชีย นายอีริค ฟู ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการพัฒนาความมั่งคั่ง และธุรกิจลูกค้ารายย่อยและบริหารความมั่งคั่ง ธนาคารเอชเอสบีซี ฮ่องกง กล่าวเพิ่มเติมว่า "ผลการสำรวจระบุถึงภูมิภาคหลายแห่งที่มีโอกาสเติบโตสูง และนักลงทุนยังคงต้องการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศจีน เนื่องจากคาดว่าจีนจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินและออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่มองว่าการลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาเหนือให้ผลตอบแทนที่ดี อันเป็นผลมาจากตลาดมีผลประกอบการดีและมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” ในด้านตลาดพันธบัตร การลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง (high yield bonds) ยังครองความนิยมสูงสุด โดยร้อยละ 80 ของผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากนักลงทุนยังคงมองหาผลตอบแทนที่ดี ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ ผู้จัดการกองทุนทุกรายต่างมองว่าตลาดพันธบัตรยุโรปยังอยู่ในภาวะซบเซา และไม่น่าลงทุน เช่นเดียวกับไตรมาสก่อน เป็นเพราะว่าปัญหาวิกฤตหนี้ในยูโรโซนที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลาย กลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุน ลดน้ำหนักการลงทุน(Underweight) คงน้ำหนักการลงทุน เพิ่มน้ำหนักการลงทุน(Overweight) (Neutral) ไตรมาส 3/55 ไตรมาส 2/55 ไตรมาส 3/55 ไตรมาส 2/55 ไตรมาส 3/55 ไตรมาส 2/55 หุ้น 10% 25% 50% 50% 40% 25% -ตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ 30% 22% 0% 11% 70% 67% -ตลาดหุ้นยุโรป 20% 44% 30% 33% 50% 22% (ยกเว้นสหราชอาณาจักร) -ตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น 0% 25% 60% 50% 40% 25% -ตลาดหุ้นเกิดใหม่ 20% 11% 50% 78% 30% 11% -ตลาดหุ้นในเขตประเทศจีน 0% 14% 50% 43% 50% 43% พันธบัตร 30% 0% 60% 75% 10% 25% -ตลาดพันธบัตรยุโรป 100% 100% 0% 0% 0% 0% -ตลาดพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูง 10% 0% 10% 22% 80% 78% เงินสด 33% 38% 56% 50% 11% 13% หมายเหตุ: ตัวเลขรวมอาจไม่ครบ 100% เนื่องจากการปัดเศษ การเคลื่อนย้ายเงินทุนทั่วโลก ในไตรมาส 1/55 ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการ (fund under management) ของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกจำนวน 14 แห่ง ที่ร่วมในการสำรวจ ณ สิ้นไตรมาส 1/55 มีมูลค่าทั้งสิ้น 4.36 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากไตรมาสที่แล้ว ผลสำรวจพบว่า ในไตรมาส 1/55 กองทุนที่ลงทุนในหุ้น มีเงินไหลออกสุทธิมูลค่า 13.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการไหลออกอย่างต่อเนื่องนับเป็นไตรมาสที่ 7 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับเสถียรภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และวิกฤติหนี้ยุโรปที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ นักลงทุนจึงมองหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (fixed income assets) เพื่อป้องกันความเสี่ยง เป็นผลให้กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรมีเงินไหลเข้าสุทธิ มูลค่า 68.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลเข้าลงทุนในพันธบัตรทั่วโลกและพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง กระแสเงินลงทุนสุทธิ (เทียบเป็นร้อยละของปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนที่ร่วมทำการสำรวจ) ประเภทตลาดและตราสาร สิ้นไตรมาส 1/55 สิ้นไตรมาส 4/54 ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่/ให้ผลตอบแทนสูง +8.8% +2.8% ตลาดพันธบัตรทั่วโลก +8.7% +2.6% ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศจีน (Greater China) +1.0% -5.5% ตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ +0.9% -2.8% ตลาดหุ้นเกิดใหม่ +0.2% -1.8% ตลาดหุ้นยุโรป รวมสหราชอาณาจักร -0.7% -2.4% ตลาดพันธบัตรสหรัฐอเมริกา -1.1% +4.6% ตลาดหุ้นญี่ปุ่น -1.5% +3.1% ตลาดพันธบัตรเอเชีย -2.1% +0.5% ตลาดพันธบัตรยุโรป รวมสหราชอาณาจักร -3.3% +2.7% ตลาดหุ้นทั่วโลก -4.3% -6.1% ตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น -4.3% -2.0%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ