แอสเซท พลัส เปิดตัวกองทุนเปิดเอควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์นคุ้มครองเงินต้น (ASP-EQLCR) โอกาสรับผลตอบแทน 7% ใน 1 ปี เสนอขายประมาณ 12-17 กรกฎาคม นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 13, 2012 09:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--บลจ.แอสเซท พลัส บลจ.แอสเซท พลัส เปิดทางเลือกการลงทุนใหม่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยเสนอขาย กองทุนเปิดเอควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์นคุ้มครองเงินต้น (ASP-EQLCR) คุ้มครองเงินลงทุนเริ่มต้นจากการลงทุนในตราสารภาครัฐไทย ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี โอกาสรับผลตอบแทน 7% จากการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หากราคาปิดสิ้นวันของหุ้นอ้างอิงทั้ง 3 ตัว ณ วันครบกำหนดสัญญา ไม่ต่ำกว่าราคาวันเริ่มต้นลงทุน เสนอขายครั้งเดียวประมาณ 12-17 กรกฎาคม 2555 นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่ยังไม่คลี่คลาย ทั้งปัญหาในกรีซ และภาคสถาบันการเงินในสเปน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปหดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจเอเชียที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน ทำให้ที่ผ่านมารัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกใช้มาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จนส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย อยู่ในระดับต่ำ โดยสำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูงจากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ ธปท. จะดำเนินนโยบายในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 3% ในปีนี้ และจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป นางลดาวรรณ กล่าวว่า ทั้งนี้ จากการที่อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ ได้ส่งผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวลดลงจนอาจไม่จูงใจนักลงทุน ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาช่องทางการลงทุนที่สร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ในระดับความเสี่ยงที่ไม่สูง และต้องการความปลอดภัยของเงินต้น โดยประมาณวันที่ 12-17 กรกฎาคม นี้ บริษัทฯ จะเสนอขาย กองทุนเปิดเอควิตี้ลิงค์คอมเพล็กซ์รีเทิร์นคุ้มครองเงินต้น (ASP-EQLCR) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐไทย ประมาณ 97% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมีเป้าหมายให้เงินลงทุนในส่วนนี้เติบโตเป็น 100% ของ NAV ส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับเงินต้นคืนเมื่อครบอายุโครงการ และเงินลงทุนส่วนที่เหลือประมาณ 3% ของ NAV จะลงทุนในสัญญาออปชั่น ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาของ 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL), บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) และ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ทั้งนี้ ในการจ่ายผลตอบแทนกองทุนมีเงื่อนไขว่า ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน 7% หากราคาปิดสิ้นวันของทั้ง 3 หลักทรัพย์ ณ วันครบกำหนด มากกว่า หรือ เท่ากับ ราคาปิดสิ้นวันของหลักทรัพย์นั้น ๆ ณ วันเริ่มลงทุน โดยกองทุนมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี แต่หากราคาหุ้นตัวใดตัวหนึ่งต่ำกว่าวันเริ่มต้น ผู้ลงทุนจะได้รับเงินลงทุนเริ่มต้นคืนเต็มจำนวน นางลดาวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่เลือกหุ้น 3 ตัวนี้ เนื่องจาก บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 55% และจำนวนสาขามากกว่า 6,600 สาขา ทั้งนี้ CPALL มีผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 45% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ขณะที่ธุรกิจยังมีแนวโน้มเติบโตจากการใช้จ่ายของภาคการบริโภคในประเทศ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “7-Eleven” ซึ่งคาดการณ์กำไรสุทธิ จะเพิ่มขึ้น 34% ในปี 2555 และประมาณ 19% ในปี 2556 จากการเติบโตของรายได้ในการขยายสาขาที่มีความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้ง รวมถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน และอาหารแช่เย็นสำเร็จรูป ซึ่งมีอัตรากำไรสูง โดยราคาเป้าหมายของหุ้น CPALL ตามปัจจัยพื้นฐานในระยะ 1 ปีข้างหน้าอยู่ในระดับ 36.64 บาท บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารทั้งในประเทศ และต่างประเทศปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E ratio) อยู่เพียง 10.84 เท่า ซึ่งต่ำกว่า P/E ratio ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ 17 เท่า โดยคาดว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานจะอยู่ที่ระดับเท่ากับราคาที่ 45 บาท / หุ้น จากทิศทางผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการรับรู้ผลบวกจากการผนึกกำลังทางธุรกิจกับ CP Pokaphand (CPP) และ Charoen Pokaphand Vietnam (CPV) เข้ามาเต็มที่ตั้งแต่ไตรมาส 2/55 เป็นต้นไป รวมถึงความคาดหวังในเรื่องผลสรุปการทำ M&A รอบใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ และมูลค่าพื้นฐานใหม่อีกครั้ง ซึ่งการการผนึกกำลังทางธุรกิจนี้ จะทำให้ CPF เป็นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียทั้งในด้านมูลค่าตลาดและรายได้ และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ในโลก และมีเสถียรภาพในด้านราคาของต้นทุนวัตถุดิบ รวมถึงการกระจายรายได้และธุรกิจ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์, ธุรกิจการกลั่นน้ำมันและจัดหาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป, และธุรกิจการให้บริการและอื่น ๆ ซึ่งอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังมีมุมมองเชิงบวกจากการที่จีนกลับมาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนในประเทศอีกครั้ง ซึ่งจะผลักดันให้ความต้องการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคา และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ให้ปรับตัวสูงขึ้นในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า หากสถานการณ์ทางด้านอุปสงค์กลับสู่สภาวะปกติ เนื่องจากปัจจัยกดดันจากอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดมีแนวโน้มลดลงในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ และเป็นปัจจัยหนุนต่อการดีดตัวขึ้นของราคา ในด้านการประเมินมูลค่าพื้นฐานของ PTTGC ณ สิ้นปี 2555 จาก P/E Ratio ประมาณ 8.5 เท่า เท่ากับราคาเป้าหมายที่ 75.60 บาท/หุ้น โดยในปัจจุบันมี P/E Ratio อยู่เพียง 7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่สูงถึง 12 เท่า รวมถึง บริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตจากแนวโน้มกำไรปกติทั้งปี 2555 ยังทรงตัวได้ระดับสูงใกล้เคียงปี 2554 แม้ว่าราคาและส่วนต่างกำไรของผลิตภัณฑ์จะอ่อนตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกปี 2555 แต่คาดว่าในส่วนของปริมาณการผลิตและจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นส่วนชดเชย เช่น โรงงานโอเลฟินส์ (PTTPE) ที่เริ่มเต็มกำลังการผลิต “ทั้งนี้ จากความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุน และทีมบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ ในด้านการบริหารเงินลงทุน และการคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโต ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า กองทุน ASP-EQLCR นี้ จะสามารถสร้างโอกาสให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทน 7% ใน 1 ปี (หากราคาหุ้น 3 ตัวปรับตัวมากกว่า หรือเท่ากับราคาปิด ณ วันเริ่มลงทุน) ซึ่งเป็นผลตอบแทนเป้าหมายที่จูงใจผู้ลงทุน เมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 1 ปี ที่ได้รับผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี โดยผู้ลงทุนไม่มีความเสี่ยงในการสูญเสียเงินต้น แต่ลุ้นเพียงผลตอบแทนเท่านั้น”นางลดาวรรณ กล่าว ที่มา : ข้อมูลตัวเลขจาก Bloomberg Consensus

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ