กรุงเทพฯ--13 ก.ค.--MMM Digital
ในภาพยนตร์เรื่อง ICE AGE 4 : CONTINENTAL DRIFT การวิ่งไล่ตามล่าลูกโอ๊คของเจ้าสแครชที่เกิดขึ้นแต่ช่วงแรกทำให้เปลือกโลกเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงภาคพื้นทวีปที่นำไปสู่การผจญภัยแสนสนุกของแมนนี่ (เรย์ โรมาโน่), ดิเอโก้ (เดนิส เลียรี่) และ ซิด (จอห์น เลกุยซาโม่) การแยกตัวของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ได้กลับไปหาคุณย่าขาวีนและฝูงสัตว์ทางทะเลที่มุ่งมั่นขวางกั้นการกลับบ้านของพวกเขา
ภาพยนตร์ตอนใหม่นี้เป็นหนึ่งในผลงานแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดตลอดกาล มีการนำความอลังการด้านงานภาพและความรู้สึกที่ทรงพลังเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นด้านความสนุกสนานและความรู้สึกที่ส่งตรงถึงใจ บวกกับเจ้ากระรอกยุคดึกดำบรรพ์ที่เป็นละครตัวโปรดของโลก และฝูงสัตว์สุดแนวที่ไม่เหมือนใครในยุคนี้หรือยุคไหน
ผู้มาร่วมเดินทางไปกับเพื่อนและเหล่าครอบครัวในเรื่อง “Ice Age” ที่คุ้นเคย (โรมาโน่, เลกุยซาโม่, เลียรี่, และควีน ลาติฟาห์) ในภาพยนตร์ตอนใหม่นี้เป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเฉิดฉายที่สุดแห่งโลกบันเทิง อาทิเช่น นิคกี้ มินาจ สาวผู้โด่งดังในวงการฮิปฮอป และ เดรค รวมถึงดาราที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างเจนนิเฟอร์ โลเปซ
องค์ประกอบที่เป็นมนต์เสน่ห์ของภาพยนตร์แฟรนไชส์คือการมุ่งเน้นความสนใจไปที่เรื่องของครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ภาพยนตร์มีความเข้มข้นที่มาจากเบื้องลึกของความรู้สึก พอๆ กับความสนุกสนานและการผจญภัยที่จัดไว้อย่างเต็มที่ “ภาพยนตร์เรื่อง ‘Ice Age’ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัวทุกภาค” ลอริ ฟอร์เต้ กล่าว เขาเป็นผู้อำนวยการสร้างซีรี่ส์ทุกภาคและร่วมเขียนบทภาพยนตร์ให้กับเรื่อง ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT “ไม่ว่าประเด็นหลักในการสร้างเรื่อง ‘Ice Age’ จะเป็นอะไร เนื้อเรื่องยังคงรากฐานอยู่ที่เรื่องของครอบครัว และแมนนี่ ดิเอโก้ ซิดรวมถึงพลพรรคที่ต้องดูแลกัน ซึ่งการถ่ายทอดเรื่องราวประเด็นนั้นและมุขตลกจะปรากฏอยู่ในตัวละครทุกตัวและทุกที่”
“ในช่วงแรกนี่เป็นภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่ตีกรอบของเรื่องราวโดยเหล่าฮีโร่ของเรื่อง ซึ่งนั่นคือสัตว์ 3 สายพันธุ์ที่มีเรื่องราวแตกต่างกัน พวกเขาเหมือนคนแปลกหน้ากันในช่วงแรก แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน” เจสัน ฟัชส์ ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์กล่าวเสริม “แต่ละภาคจะเสนอให้เห็นว่าการอยู่กันเป็นครอบครัวมีความหมายมากเพียงใด มันเป็นเพียงจุดที่เราถือกำเนิดขึ้นมาหรือเปล่า? ผมคิดว่าตัวละครของเราทุกตัวกุมคำถามนั้น และผมคิดว่าดิเอโก้เป็นตัวละครที่พูดประโยคสำคัญของหนังเอาไว้ ตอนที่เขาถามห้วนๆ ว่าการอยู่กันเป็นฝูงกับอยู่กันเป็นครอบครัวต่างกันตรงไหน? ดิเอโก้ตอบว่า ‘เราต้องเฝ้าดูแลกัน’ ซึ่งนั่นคือความหมายของการเป็นครอบครัว และนั่นคือประเด็นสำคัญของหนังรวมถึงแฟรนไชส์”
สิ่งที่ผสมผสานอยู่ในมหากาพย์การผจญภัยสไตล์ครอบครัว คือการผจญภัยที่ยังคงดำเนินต่อไปของสแครช ผู้มีจุดหมายการใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่กับลูกโอ๊คที่คอยหนีไปอย่างรวดเร็วพอกับที่เขาอยากไขว่คว้าไว้ การเสาะแสวงหาลูกโอ๊คของสแครชทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง ใน “Ice Age” ภาคแรกความหลงใหลลูกโอ๊คของสแครชเป็นชนวนเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง Ice Age ส่วนใน ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT ตัวสแครชและภารกิจการตามล่าของเขาได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกอย่างรุนแรง ลืมเรื่องธรณีวิทยาที่เคยศึกษาด้านการกำเนิดทวีปไปได้เลย สิ่งที่ตามมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายได้อย่างมหาศาล เกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนผืนแผ่นดินต้องแยกตัวออกจากกัน ในเรื่อง ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT เป็นเรื่องของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกโดยฝีมือของสแครชที่ไม่ทันตั้งใจ
ภาพยนตร์เป็นการกลับมาของสแครชที่กำลังง่วนอยู่กับภารกิจเดิมอย่างการวิ่งไล่ลูกโอ๊คและปักมันลงบนพื้น จนภูเขาระเบิดออกจากกัน มีการแยกตัวของแผ่นเปลือกโลก ผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ต้องแยกกลายเป็น 7 ทวีป สแครชคลานไปสู่แกนโลกทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนแมนนี่ ดิเอโก้และซิดต้องถูกพรากจากฝูง
จากการเปิดตัวในฐานะของตัวละครเด่นในเรื่อง “Ice Age” ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของหนังที่มีชื่อเสียงโด่งดัง สแครชนำความสนุกสนานมาสู่ผู้ชมภาพยนตร์ได้อย่างมากมาย จนไปถึงบรรดาผู้สร้างภาพยนตร์ที่สร้างให้เขามีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ “ไม่มีตัวละครไหนที่สร้างแอนิเมชั่นได้สนุกหรือเพลิดเพลินไปกว่าเจ้าสแครชแล้ว” สตีฟ มาร์ติโน ผู้กำกับกล่าว “จะมีใครที่เราจะรังแก คอยแกล้ง และให้เฝ้าไล่กวดลูกโอ๊คนั่นอยู่ได้?!” นิค บรูโน ผู้ควบคุมการสร้างแอนิเมชั่น กล่าวเสริมว่า “สแครชคือเหตุผลที่ผมเข้ามีส่วนร่วมในการสร้างแอนิเมชั่น การผจญภัยของเขาในหนังเรื่องนี้เหมือนกับเรื่องคลาสสิค เขาเห็นจุดหมายก็วิ่งเข้าใส่มันแล้วก็ต้องล้มคะมำ แต่คราวนี้เขาและฝูงสัตว์มีสิ่งเดิมพันที่ยิ่งใหญ่มาก”
การแยกแผ่นดินของสแครชทำให้แมนนี่ ดิเอโก้และซิดต้องลอยแพจากเพื่อนๆ ที่เหลือในฝูง ซึ่งรวมไปถึงเอลลี่กับพีเชส ภรรยาและลูกสาวสุดที่รักของแมนนี่ (ที่ถือกำเนิดในเรื่อง “Ice Age: Dawn of the Dinosaurs” เมื่อปี 2009) ก่อนเหตุการณ์เลวร้ายนี้ แมนนี่และพีเชสจอมดื้อได้ทะเลาะกันตามประสาพ่อที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่นเป็นกัน ความไม่ลงรอยกันของพวกเขาเหมือนกับพ่อแม่ วัยรุ่นหรือใครก็ตามที่เข้าใจหัวอกพ่อแม่หรือวัยรุ่นดี “แมนนี่เหมือนพ่อที่มีความวิตกจริตทั่วไป” สตีฟ มาร์ติโน ผู้กำกับกล่าว “เขาวนเวียนอยู่กับวันเก่าๆ ในสมัยตอนที่พีเชสยังเป็นเด็กน้อย แต่ตอนนี้เธออยู่ในวัยที่อยากออกไปเผชิญโลกและเป็นตัวของตัวเอง”
“โลกที่เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงมันเป็นอะไรที่ยากลำบากมากสำหรับคนเป็นพ่อ” ไมเคิล เบิร์ก ผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่เคยเขียนหรือร่วมเขียนเรื่อง “Ice Age” สองภาคก่อนหน้านี้กล่าว “มีอันตรายอยู่หลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งมีหนุ่มๆ อีกตั้งมากมาย”
เรย์ โรมาโนกลับมาพากย์เสียงให้กัช้างแมมอธขนปุยที่มีภาระอันหนักหน่วงอีกครั้ง “เรย์พากย์ได้ถนัดที่สุด” มาร์ติโนกล่าว “เขาพากย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แสดงให้ถึงพลังการแสดงตลกของเขาออกมา” สำหรับโรมาโนแล้ว แม้ว่าการได้กลับมาพากย์แมนนี่เหมือนกับการได้กลับมาเยี่ยมเพื่อนเก่า แต่นักแสดงตลกคนโปรดก็มีวิธีแปลกๆ ในการหวนกลับไปหาตัวละครเหมือนกัน “ก่อนที่เขาจะเริ่มบันทึกเสียง เขาจะพูดย้ำคำพูดของแมนนี่จาก ‘Ice Age’ ภาคแรกว่า ‘ฉันจะไม่ไปไหน!’ คงมีเหตุผลบางอย่างที่ประโยคนั้นทำให้เขากลับมาอินกับแมนนี่ได้” ไมเคิล เธอร์มิเออร์ ผู้กำกับกล่าว
ชีวิตบนแผ่นฟิล์มของโรมาโน (ในบทบาทของแมนนี่) และบนเส้นทางชีวิตจริง (ในบทของคุณพ่อที่มีลูกสาวกำลังก้าวเป็นผู้ใหญ่) มาบรรจบกันได้อย่างไม่คาดคิด เขาอธิบายว่า “ผมเหมือนกับแมนนี่ที่ต้องรับมือกับการที่พีเชียสมีความเป็นตัวของตัวเองหรือเป็นแมมมอธนั่นแหละ มันเป็นเรื่องที่ผมประสบปัญหาเดียวกัน เพราะลูกสาวผมเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย นั่นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม เพราะผมยังคิดอยู่ว่าเธอเป็นเด็กน้อยน้ำมูกไหลอยู่เลย แต่ข่าวดีคือผมไม่เคยติดอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง”
เอลลี่ คู่ชีวิตของแมนนี่เป็นเหมือนน้ำที่ชโลมปลอบความหวาดวิตกของพ่ออย่างแมนนี่ (อาการนิ่งสงบของเอลลี่ยังเอามาใช้กับ 2 “พี่น้อง” พอซซั่มตัวป่วนอย่างแครชและเอ็ดดี้ที่กลับมาให้เสียงพากย์โดย ฌอนน์ วิลเลียม สก็อตต์ และ จอช เพ็ค) “เอลลี่และแมนนี่ถ่วงความสมดุลกันและกัน” ควีน ลาติฟาห์ ผู้กลับมารับบทของ เอลลี่ ก่อนหน้านี้เธอได้ให้เสียงพากย์เอาไว้ในเรื่อง “Ice Age: The Meltdown” และ “Ice Age: Dawn of the Dinosaurs” “แมนนี่เกิดความวิตกจริต เอลลี่รู้จักผ่อนปรนและมีความประนีประนอมมากกว่า เพราะเธอเข้าใจดีว่าพีเชสกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน โดยเฉพาะเรื่องที่เธอไปตกหลุมรักหนุ่มๆ ในช่วงที่เป็นวัยรุ่นทุกเรื่องจะดูราวกับเป็นที่สุดของชีวิต และฉันคิดว่ามันยังคงเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยน”
แม้ว่าแม่ของเธอจะมีความพยายามมากแค่ไหน แต่ พีเชส ที่ให้เสียงพากย์โดย Keke Palmer นักร้อง-นักแสดงหญิงก็ยังดื้อแหกกฏสุดเหี้ยมของแมนนี่ “พีเชสกำลังโตเป็นแมมมอธสาวสวย” พัลเมอร์กล่าว “เธอพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกเพื่อสัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่และพบหน้าหนุ่มๆ” จอห์น ซี. ดอนคิน ผู้อำนวยการสร้างเห็นด้วยว่า “เคเค่มีทัศนคติเป็นของตัวเอง พร้อมด้วยการพูดจาแบบโผงผางของควีน ลาติฟาห์และความอบอุ่นที่เราจะได้พบในตัวเรย์ โรมาโน”
การทะเลาะกันอย่างหนังระหว่างพีเชสกับพ่อของเธอ ทำให้เธอใช้เวลาอยู่กับเพื่อนวัยรุ่นของเธอเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับ อีธาน แมมมอธล่ำบึ้กเจ้าถิ่นที่ให้เสียงพากย์โดย เดรค นักร้องฮิปฮอปชื่อดัง ซึ่งการได้มาร่วมงานในเรื่อง ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT สำหรับเดรคเหมือนกับการได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวใหม่ โดยเขาเล่าว่า “เหมือนกับได้อยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาขบวนใหญ่ที่น่าตื่นเต้น ผมตื่นเต้นนะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนัง”
ไม่มีพ่อทั้ง 2 หรือ 4 ขาที่แปลกใจเลยว่า ทำไมแมนนี่จึงคิดว่าอีธานไม่เหมาะสมดีพอสำหรับพีเชส “รู้อะไรมั้ย” โรมาโน่กล่าว “เวลาที่ลูกพาแมมมอธหนุ่มมาที่บ้าน เราจะคิดถึงแต่เรื่องแย่ๆ และไม่ชอบขี้หน้าเขาหรอก” แต่โรมาโน่ก็ยอมรับว่าการได้มาร่วมฉากกับเดรคทำให้เขา “มีชื่อเสียงบางอย่างขึ้นมา” เหมือนกับที่ได้ร่วมงานกับแรปเปอร์อย่าง นิคกี้ มินาจ ผู้รับบทของ สเตฟฟี่ หนึ่งในแมมมอธ “It Girls” และเป็นคู่แข่งที่แก่งแย่งชิงรักจากอีธาน และยังมี ฮีทเธอร์ มอร์ริสจากเรื่อง “Glee” ที่มารับบท เคที่ แมมมอธสาวอีกตัว
มินาจเป็นนักดนตรีผู้หนึ่งที่มีความสามารถอย่างเจิดจรัสที่สุดของวันนี้ เธอกล่าวว่าสเตฟฟี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับบทแมมอธนี้ของเธอ “พอเธอรู้ว่าพีเชสตามติดอีธาน เธอก็ทำสิ่งที่ผู้หญิงที่ชอบทำตัวเด่นทุกคนจะทำ นั่นคือการหึงหวงและทำตัวเหมือนนางมาร” มินาจกล่าว
ตัวละครเคที่ของฮีทเธอร์ มอร์ริสก็เป็นตัวละครวัยรุ่นในเรื่อง Ice Age อีกตัวที่มีความน่ารักและมีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ “เธอมีผมสีบลอนด์และมีดอกไม้ติดอยู่บนผมของเธอ” นักแสดงจาก “Glee” กล่าว “และเธอก็ออกไปเดินควงกับ สเตฟฟี่ ตัวละครของนิคกี้ มินาจ!”
Outside this teenage in-crowd ยังมีเพื่อนสนิทของพีเชียสผู้ไว้ผมทรงโมฮ็อก (เหมือนเมียร์แคทสมัยดึกดำบรรพ์) ที่ชื่อ ลูอิส ให้เสียงพากย์โดย จอช แกด ผู้แสดงละครบรอดเวย์เรื่องดังอย่าง “Book of Mormon” ลูอิสเป็นเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ของพีเชส เขาหวังว่ามันจะมีอะไรที่มากเกินกว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อน แต่แล้วแกดก็เผยว่า “จากการลำดับชั้นเรียนแบบไฮสคูลแล้ว ลูอิสเป็นเหมือนลูกไล่ของทุกคน” แม้แต่แมนนี่เองก็ดูถูกเขาอย่างน่าสงสารว่าเป็น “วีเนอร์” แกดกล่าวเสริมว่า “ผมว่ามันเป็นการดูถูกกันแบบภาษาแมมมอธ” แต่แล้วความกล้าหาญที่อยู่ในตัวลูอิสก็ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไป…
ขณะที่แมนนี่ต้องรับมือกับความท้าทายของการเป็นพ่อ ดิเอโก้และซิดเพื่อนซี้ของเขาก็ประสบปัญหาของพวกเขาเองเช่นกัน ในแวบแรกดิเอโก้ดูเหมือนจะกล้าหาญชาญชัยที่สุด เขายังคงเป็นคนโสดอยู่เหมือนเดิม _มีการต่อสู้กับไดโดนเสาร์ในการผจญภัยของ “Ice Age” ภาคก่อนหน้านี้ เขายืนยันสถานภาพของเขาในการเป็นผู้มีความแข็งแรงทนทานอีกครั้ง ดิเอโก้ประชดความคิดที่ว่าการไปไหนมาไหนกับครอบครัวของแมนนี่จะทำให้เขามีความอ่อนโยนขึ้นว่า “ฉันควรจะเป็นนักล่าผู้โหดเหี้ยมสิ!” เขาคำรามใส่
แต่มันจะกลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง “Ice Age” ไปไม่ได้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นกับฮีโร่ทั้งสามของเรา ซึ่งนั่นรวมถึงดิเอโก้ที่ได้พบกับคู่ที่สมน้ำสมเนื้อของเขาและอาจเป็นมากกว่านั้น ในตัวของเสือเขี้ยวดาบสาวที่ชื่อ ชีร่า ให้เสียงพากย์โดย เจนนิเฟอร์ โลเปซ นักแสดงที่โด่งดังไปทั่วโลกของทุกวันนี้ การที่มีตัวละครใหม่ซึ่งมีความสำคัญเข้ามาในชีวิตของดิเอโก้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเลย เมื่อถามถึงเรื่องราวของ ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT แล้ว เดนิส เลียรี่ ผู้กลับมารับบทของดิเอโก้กล่าวติดตลกว่า “เนื้อเรื่องของหนังหรอ? ดิเอโก้ได้มีแฟนที่รับบทโดยเจ-โล ผมคิดว่าเนื้อเรื่องมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่อันที่จริงแล้วนั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
เลียรี่ย้ำว่ามันถึงเวลาที่ดิเอโก้จะได้พบใครสักคนมาร่วมชีวิตกับเขาแล้ว “มันต้องใช้เวลาของหนังเรื่อง ‘Ice Age’ ถึง 4 ภาคผมถึงได้มีแฟน เชื่อผมมั้ยตอนที่แสดงเรื่อง ‘Ice Age’ ภาคแรกผมไม่เดินคอตกเลย ผมคิดว่าดิเอโก้จะต้องมีแฟนและเธอต้องเป็นเจ-โล ผมคงจะระบุเอาไว้ในสัญญาของผมตอนนั้นว่า ผมคงจะรอดพ้นจากสิ่งเหล่านั้นแล้ว!”
แต่ความรักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย โดยเฉพาะสำหรับชีวิตของเสือเขี้ยวดาบ ชีร่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของลูกเรือโจรสลัดที่จับดิเอโก้ แมนนี่ ซิดเป็นตัวประกัน ตอนแรกที่ชีร่าและดิเอโก้ได้พบกันจึงเหมือนศัตรูที่เผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พวกเขาเป็นคู่ที่มีความสมน้ำสมเนื้อกันดี “ดิเอโก้ไม่เคยเจอใครที่เหมือนเธอมาก่อน” ไมเคิล เบิร์กกล่าว สตีฟ มาร์ติโน่ กล่าวเสริมว่า “ชีร่าเป็นสาวปราดเปรียว เธอฉลาด ว่องไว และไหวพริบเยี่ยม แต่พวกเขาเหมือนกันมากจนเกินกว่าจะยอมรับได้ ความเป็นศัตรู ความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่ง และได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองและเกิดมิตรภาพขึ้นมาในท้ายที่สุด”
เจนนิเฟอร์ โลเปซ ผู้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของ “Ice Age” ด้วยบทของชีร่าเล่าว่า ดิเอโก้และชีร่าถูกกำหนดชะตาให้มาร่วมมือกัน “ตัวละครทั้งสองมีประวัติความเป็นมาที่คล้ายคลึงกัน” เธออธิบายว่า “ดิเอโก้ต้องพลัดพรากจากฝูงของเสือเขี้ยวดาบในภาคแรก ส่วนชีร่าเองก็เช่นกันเพราะเธอได้ชอบแนวคิดของฝูง ชีร่ารู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่ไหนจนกระทั่งเธอได้มาร่วมแกงค์โจรสลัด จนในที่สุดเธอก็พบว่าพวกโจรสลัดมีความเห็นแก่ตัว เธอต้องเลือกระหว่างการใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาหรือไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับดิเอโก้” และอย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่าดิเอโก้พูดโน้มน้าวได้เก่งมาก
โลเปซตื่นเต้นที่จะได้มาร่วมงานกับทีมงานเรื่อง “Ice Age” โดยเฉพาะการได้มารับบทที่มีความสำคัญ “ภาพยนตร์เรื่อง ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT มีทั้งความเข้มข้น ความสนุกสนาน ความตื่นเต้นเร้าใจ และเรื่องราวที่น่ารักหวานแหวว ฉันชอบมากเลยที่ได้มารับบทเป็นตัวละครที่มีความเข้มแข็งอย่างชีร่า” เธออธิบาย
ผู้สร้างภาพยนตร์รู้สึกตื่นเต้นที่ได้นักแสดง-นักร้องและกรรมการตัดสินในรายการ “American Idol” ผู้มีความสามารถหลายด้านมาร่วมงานด้วย “การแสดงเป็นตัวละครในภาพยนตร์แอนิเมชั่นมีอะไรมากกว่าเสียงพากย์ของนักแสดง” ผู้อำนวยการสร้าง ลอรี่ ฟอร์เต้ กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องของทัศนคติ ซึ่งเจนนิเฟอร์ก็แสดงออกมาได้จริงๆ” ภาพยนตร์ยังได้ใช้ความสามารถด้านการร้องเพลงของโลเปซอีกด้วย ในตอนที่เธอร่วมปล้นสะดมกับเพื่อนโจร (ได้แก่ ปีเตอร์ ดิงค์ลาจ, นิค ฟรอสต์, อาซิซ แอนซารี่ และ อเลน ชาแบท) ในห้องพักบนทะเล, “Master of the Seas” เขียนโดย อดัม ชเลซิงเกอร์ (แห่ง Fountains of Wayne) และการเล่นดนตรีคลอร่วมกันระหว่างนิคกี้ มินาจ, เรย์ โรมาโน่, เดนิส เลียรี่, จอห์น เลกุยซาโม่ และ ควีน ลาติฟาห์) ในเพลงปิดฉากภาพยนตร์ “We Are (เพลงธีมจาก ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT)” อีสเตอร์ ดีน ผู้เขียนบทภายพนตร์กล่าว
สมาชิกของเหล่าผู้กล้าตัวที่สาม คือเจ้าตัวสล็อธที่ชื่อซิด เขามีปัญหาครอบครัวที่ต่างจากแมนนี่อย่างสิ้นเชิง สมาชิกครอบครัวของเขาที่สูญหายไปนานทั้งพ่อ แม่ พี่น้อง และลุงฟังกัส คุณลุงจอมอนามัย (ชื่อก็บอกทุกอย่างเอาไว้แล้ว) ต่างกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอย่างกะทันหัน แถมพวกเขายังได้คุณย่าของซิดกลับมาด้วย แต่จุดประสงคี่เหล่าสล็อธกลับมาเยี่ยมเยือนกันอย่างพร้อมหน้าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ คือพวกเขาเอาคุณย่าที่ทำตัววุ่นวายมาทิ้งไว้ให้ซิด คุณย่าเป็นสล็อธที่ถูกทิ้งมาตลอด “พอคุณได้พบกับครอบครัวซิด คุณจะเข้าใจว่าทำไมซิดถึงเป็นซิดแบบนั้น” เบิร์กกล่าว “พวกเขาเป็นครอบครัวที่เพี้ยนสุดๆ แต่ซิดมีกำลังใจดีมาก และเขาก็สร้างสายสัมพันธ์กับคุณย่าขาวีนของเขาจนได้”
“ซิดมีความน่ารักและอยากทำอะไรตามใจตัวเองจนบ่อยครั้งมันนำไปสู่ความเรื่องร้ายๆ” จอห์น เลกุยซาโม่ กล่าว เขากลับมาให้เสียงพากย์และการแสดงที่มีเอกลักษณ์สู่ตัวละครอีกครั้ง ซึ่งความเลวร้ายในครั้งนี้คือการที่คุณย่าต้องมาอยู่กับเขา “ซิดอยากกลับมาอยู่กับครอบครัวเขามานานแล้ว เพราะทุกคนดูเหมือนจะมีครอบครัวกันหมดเว้นแต่เขา” เลกุยซาโม่กล่าวเสริมว่า “และในที่สุดพวกเขาก็ได้อยู่ร่วมกัน พวกเขาอยู่กันพร้อมหน้าและก็หายหน้าไปทิ้งไว้เพียงคุณย่า”
จากจินตนาการของผู้ออกแบบตัวละคร ปีเตอร์ เดอ ซีฟ เจ้าของผลงานตัวละครทั้งหมดในโลกของเรื่อง “Ice Age” ตั้งแต่การสร้าง เขาออกแบบให้คุณย่ามีขนที่ยาว มีกลิ่นเหม็น ไม่มีฟัน ผิวหนังเหี่ยวย่น และสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีตัวตนที่ชื่อว่า พรีเชียส โดยสรุปแล้วไม่เคยมีตัวละครที่เหมือนอย่างคุณย่าเลย โดยเธอร์มีเออร์บรรยายเอาไว้ว่า “เป็นตัวละครที่มีความอัศจรรย์และมีความตลกขบขันที่สลับกันไปอย่างคาดไม่ถึง” ตลอดช่วงการเดินทางของเหล่าตัวละคร “คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอจะพูดอะไรออกมา”
“ความคิดเห็นต่างๆ ของคุณย่ามักออกนอกเรื่องไปบ้างอยู่ตลอด แต่ก็เป็นอะไรที่ตลกดีทุกครั้ง” แวนดี้ ไซเคส นักแสดงตลกหญิง (“Curb Your Enthusiasm”) ผู้ให้เสียงพากย์เป็นคุณย่าสล็อธกล่าว “ฉันรักการแสดงเป็นตัวละครที่ได้พูดอย่างที่คิดออกมา และโชคดีที่…เธอเป็นแบบนั้นเลยล่ะ รู้มั้ย? ไม่มีอะไรที่น่าผิดหวังในตัวคุณย่าเลย” นิค บรูโน่ ผู้ควบคุมการสร้างแอนิเมชั่นกล่าวเสริมว่า “คุณย่ามักจะทำตัวเวอร์อยู่เสมอ แต่เธอก็มีข้อดีและเป็นคุณย่าที่แจ๋วสุดๆ ได้”ออกสู่ท้องทะเล
คุณย่าถูกลอยทิ้งเคว้งอย่างน่าแปลกใจ เมื่อแมนนี่ ดิเอโก้และซิดถูกพัดออกสู่ทะเลไปบนภูเขาน้ำแข็งตามรอยแยกของทวีปจากฝีมือเจ้าสแครช แต่ความวุ่นวายของคุณย่าเป็นปัญหาอันน้อยนิดของหนุ่มๆ เพราะพวกเขาถูกกลุ่มโจรสลัดที่นำแกงค์โดย กัปตันกัตต์ ลิงอุรังอุตังที่น่ากลัวจับตัวไป ตัวละครนี้ให้เสียงพากย์โดยปีเตอร์ ดิงค์เลจ เจ้าของรางวัล Emmy? (“Game of Thrones”) เขามีบุคลิกแห่งความเป็นจ้าวแห่งพื้นสมุทรและจ้าวแห่งโจรสลัด กัตต์รักการเป็นโจรและใช้ชีวิตกับกฏเกณฑ์แห่งผืนทะเล เขาได้ชื่อว่า “กัตต์” จากการที่เขามีกรงเล็บขนาดใหญ่โดยที่เขาใช้มันได้อย่างไม่หวั่นเกรง กัตต์จะคุยโม้อย่างภาคภูมิใจว่าเขาสามารถควักเครื่องในของคุณให้กลายเป็น “เครื่องนอก” ได้ จนคุณแทบไม่อยากไปยุ่งกับเขาเลยเชียว
เว้นแต่ว่าคุณคือแมนนี่ที่ต้องท้าดวลกับกัตต์ เพราะกัปตันโจรสลัดมาขัดขวางการกลับบ้านไปหาครอบครัวของแมมมอธ พวกเขาน่ากลัวและเป็นศัตรูที่สู้กันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ “แมนนี่และผองเพื่อนสยบพวกไดโนเสาร์มาแล้วในการผจญภัยที่ผ่านมา เราเลยรู้ว่าเราต้องสร้างคู่อริที่มีความยิ่งใหญ่เพื่อแมนนี่” จอห์น ซี. ดอนคิน ผู้อำนวยการสร้างกล่าว เธอร์มิเออร์กล่าวเสริมว่า “กัตต์ไม่ชอบการ ‘ปฏิเสธ’ ส่วนแมนนี่ก็มีบุคลิกที่เข้มแข็งไม่เกรงกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขา”
กัตต์ให้เสียงพากย์โดย ปีเตอร์ ดิงค์เลจ เจ้าของบทบาท ไทเรียน แลนนิสเตอร์ ในซีรี่ส์เรื่อง “Game of Thrones” ที่ได้รับความนิยมและคำชมเชย เสียงที่เข้มและทุ้มของนักแสดงได้ถ่ายทอดพลังและบารมีของกัตต์ออกมาได้ และมุขตลกรวมถึงความสามารถด้านการแสดงของดิงค์เลจได้ทำให้มุขตลกและความสนุกสนานมีสีสันขึ้นมาได้ “สิ่งที่ทำให้ผมสนใจในบทของกัตต์ คือผมไม่เคยรับบทของโจรสลัดลิงอุรังอุตังมาก่อน และผมไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีก พอมีบทเหล่านี้เข้ามาเราก็ควรคว้ามันไว้” เขากล่าวติดตลกเรื่องการแสดงภาพยนตร์แอนิเมชั่นเป็นครั้งแรกสำหรับเขาว่า “ผมสนุกกับการแสดง การควบคุมความโกรธของกัตต์ เขาเตือนใจทุกคนได้อย่างรวดเร็วว่าใครอยู่ใต้การบังคับบัญชา”
กัตต์เหมือนเป็นแมนนี่ในด้านมืด โดยเฉพาะในเรื่องมุมมองเกี่ยวกับครอบครัว ในท้ายที่สุดแมนนี่มีครอบครัว ได้แต่งงาน มีลูกสาว และเป็นคุณพ่อตัวอย่างของฝูง ซึ่งรวมถึงดิเอโก้และซิดด้วย เขาเชื่อว่าครอบครัวจะทำให้เรามีพลัง ส่วนกัตต์คิดว่าครอบครัวเป็นตัวรั้งและทำให้เรามีความอ่อนแอ แม้แต่ดิงค์เลจก็สังเกตได้ว่า “เพื่อนฝูงของเขาคือส่วนหนึ่งของครอบครัว” เพราะฉะนั้นมาพบลูกเรือและครอบครัวของกัตต์กันดีกว่า:
ชีร่า (เจนนิเฟอร์ โลเปซ) เสือเขี้ยวดาบสาวที่ทั้งสวยและโหด ผู้ต่อสู้กับดิเอโก้จนต้องแพ้ใจให้แก่เขา
ฟลินน์ (“Hot Fuzz” และ “Shaun of the Dead” นิค ฟรอสต์) แมวน้ำช้างน้ำหนัก 4,000 ปอนด์ ลำตัวยืดหยุ่น และเป็นเพื่อนตัวแรกของกัตต์ เวลาที่เขาเดินเตาะแตะเข้ามาในฉากแล้วหยุด ท้องของเขาก็ยังไถลไปด้านหน้าอยู่! เขาเป็นสมาชิกของลูกเรือตัวใหญ่ที่สุดที่ทำตัวง่ายๆ มาร์ติโน่เล่าวว่า “เขาก็เหมือนกับเด็ก ฟลินน์มีความกระตือรือร้นแบบเด็กที่อยู่ในร่างใหญ่ยักษ์” นิค ฟรอสต์ กล่าวเสริมว่า “ฟลินน์มักจะมองข้อดีของทุกคนอยู่เสมอ แม้แต่กัตต์ที่หาข้อดีได้ยากก็ตาม”
สควินท์ (“Parks and Recreation” อาซิซ แอนซารี่) เป็นลูกเรือโจรสลัดที่ตัวเล็กสุดแต่รักการต่อสู้มากที่สุด เขาเป็นกระต่ายที่ตื่นตัวจนเกินเหตุ และมีนิสัยชอบรังแก “ช่วยไม่ได้ที่สควินท์มีจมูก หาง และหูกระต่ายจิ๋วที่แสนน่ารัก” เธอร์มิเออร์กล่าว แอนซารี่กล่าวเสริมว่า “สควินท์พร้อมรบตลอดเวลา แต่ไม่เคยได้รบราฆ่าฟันกับใครหรอก”
กุปต้า (“The Big Bang Theory” คูนัล เนย์ยาร์) สัตว์สี่เท้าสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีหลังเป็นลายกระหัวกระโหลกและกระดูกไขว้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเรือโจรสลัด Jolly Roger เขาจึงทำหน้าที่เป็นธงของเรือได้อย่างเหมาะสมดีเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ท้องของกุปต้าเป็นสีขาว สีแห่งการยอมแพ้ที่ทำให้กัตต์เกิดความโกรธ “กุปต้าชอบเอาด้านสีขาวขึ้นมาโบกสะบัด และไม่มีอะไรสะกิดต่อมกัตต์ได้มากไปกว่าความพ่ายแพ้” เนย์ยาร์กล่าว
ราซ (“Bridesmaids’” เรเบล วิลสัน) จิงโจ้สมัยดึกดำบรรพ์ขนาดยักษ์ที่เป็นอาวุธสำคัญของลูกเรือ เธอมีรูปร่างที่สูง มีความแข็งแกร่ง และแม้เขาจะเป็นตัวเมีย แต่เขาก็มีความบึกบึนของการเป็นโจรสลัด
ไซลาส (“Night at the Museum: Battle for the Smithsonian” อเลน ชาแบท) นกนางนวลผู้สูงส่งแห่งฝรั่งเศส — มีความสง่า เรียบร้อย และมีบุคลิกที่แข็งแกร่ง
ด็อบสัน เป็นลูกเรือที่ไม่ค่อยพูด เห็นแก่ตัว ชอบคิดร้าย ขี้บ่นไม่มีที่สิ้นสุด เขาแตกต่างอย่างสุดขั้วกับฟลินน์ที่มีความร่าเริง
สไตล์การออกแบบตัวละครโจรสลัดของปีเตอร์ เดอ ซีฟ ที่มีความสร้างสรรค์ ทำให้ตัวละครดูเหมือนพวกเขาสวมชุดโจรสลัดแบบคลาสสิคหรือการมีขนบนใบหน้า (หนวดที่ดกดำของกัตต์, เคราข้างหูที่ม้วนเป็นก้อนของด็อบสัน เคราที่ดูเจ้าเล่ห์ของฟลินน์) ทั้งหมดนั่นเป็นขนจริงที่ถูกดูแลตกแต่ง ใส่สีสันและตัดแต่งหน้าตาให้เหมือนเป็น “เครื่องแต่งกาย” และดูรกรุงรัง
ฝูงโจรสลัดสัตว์ป่าเหล่านี้นอกจากจะจับแมนนี่ ซิด ดิเอโก้เป็นนักโทษแล้ว ยังบังคับให้เป็นทาสของตัวละครที่เหมือนหมูกินีที่เรียกว่า ไฮแรกซ์ เขามีความน่ารัก “เป็นตัวละครที่สะดุดตาของภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี” มาร์ติโน่กล่าว จะรู้ได้เลยว่าศัตรู (พวกไฮแรกซ์) ของศัตรูพวกเขา (กัตต์และผองเพื่อน) จะเป็นพันธมิตรที่น่ากลัวได้ แมนนี่ ดิเอโก้ และซิดทำข้อตกลงกับพวกไฮแรกซ์ว่า หากพวกเขาช่วยขโมยเรือของกัตต์มาได้ แมนนี่ปรารถนาว่าจะได้กลับบ้านไปหาครอบครัว ฝูงสัตว์จะกู้อิสรภาพของไฮแรกซ์จากการครอบครองของพวกโจรสลัด การเจรจาให้สำเร็จมีเพียงซิดที่สามารถสื่อสารกับพวกไฮแรกซ์ที่มีภาษาพิเศษได้ เลกุยซาโม่เล่าว่า “ซิดและพวกไฮแรกซ์พูดคุยสื่อสารกันผ่านภาษาใบ้และการพูดแบบ ‘คลิก-แคล็ก’” ซึ่งหมายถึงการพูดแบบใช้ลิ้นของตัวละครทำเสียงคลิก
และสิ่งที่เป็นจุดสนใจในเรื่อง ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT คือธรรมชาติ โดยผ่านการบรรยายของเหล่าผู้สร้างภาพยนตร์ อาทิเช่น การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกอย่างรุนแรงจากฝีมือสแครช น้ำทะเลหนุนขึ้นจนฝูงสัตว์ต้องถูกพัดพาไป มีพายุรุนแรงพัดพาฮีโร่ทั้งสามของเราไปสู่มหันตภัยครั้งใหญ่ และอันตรายจากหน้าผาสูง 800 ฟุตที่เบียดล่าเอลลี่ พีเชียส และสิ่งมีชีวิตอื่นที่อยู่บนผืนดิน
คำว่า “อลังการ” คือที่สุดของความรู้สึกทุกคนในการออกแบบสภาพแวดล้อมและมหันตภัยทางธรรมชาติ “มันเป็นความอลังการเมื่อเราได้เห็นแมมมอธอย่างแมนนี่มีขนาดเล็กจิ๋วอยู่บนภูเขาน้ำแข็งที่ถูกกระทบชนโดยพายุในมหาสมุทร” เธอร์มิเออร์กล่าว “ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Ice Age’ ภาคใหม่แต่ละภาค เราสร้างความยิ่งใหญ่มากขึ้นด้วยการพาตัวละครของเราไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความกว้างใหญ่มากขึ้น มีความซับซ้อนมากขึ้น และมีความตื่นเต้นระทึกขวัญมากขึ้น”
สภาพแวดล้อมที่สำคัญสุดคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่และมหาสมุทรที่โหดร้าย ในการสร้างฉากเสี่ยงภัยของเหล่าตัวละครให้มีความยิ่งใหญ่ถึงขีดสุดและการพาผู้ชมร่วมไปกับการผจญภัย ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งพวกเขาประสบความสำเร็จเหนือกว่าที่คาดเอาไว้ เช่น ตอนที่นักแสดงผู้มาพากย์เสียงได้เห็นฟุตเทจเริ่มแรกของฉากพายุ พวกเขานึกว่าผู้สร้างภาพยนตร์ไปถ่ายทำที่มหาสมุทรจริงแล้วเอาตัวละครแอนิเมชั่นมาใส่เข้าไป
มหาสมุทรจะไม่มีความน่าสนใจเลยหากไร้คลื่นลม มันเป็นบรรยากาศที่มีความงดงาม ความไม่ชัดเจนและความลึกลับที่ต้องอยู่บนท้องทะเล ซึ่งเป็นจุดเสริมของตัวละครโดยเฉพาะพวกโจรสลัด รวมถึงท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเมฆที่ก่อตัว ในการถ่ายทอดสภาพแวดล้อมต่างๆ ออกมา ครั้งแรกผู้สร้างภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่อง “Ice Age” ได้ถ่ายมุมกว้างในอันตราส่วน 2:35: 1 ซึ่งเป็นการเพิ่มความรู้สึกว่าตัวละครมีขนาดเล็กลงเพราะสภาพแวดล้อมรอบด้านพวกเขา
ทีมงานที่ค้นคว้าข้อมูลและพัฒนาเรื่อง The ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ขึ้นมาใหม่เพื่อให้ได้ฉากภาคพื้นดินที่มีความน่าตื่นเต้น เช่น ถ้ำที่ทั้งสามต้องห้อยหัวจากเพดาน เพื่อเป็นการพลิกโลกโดยการห้อยหัวตัวละคร; พวกหินต่างๆ ที่กำลังจะถล่ม และการเอาธารน้ำแข็งมาทำเป็นเรือ ซึ่งแต่ละฉากมีความเป็นเอกลักษณ์และสีสันที่มีแบบ “เฉพาะตัว”
เครื่องมือสำคัญอีกอย่างในการสร้างภาพยนตร์คือ 3 มิติ มาร์ติโน่กล่าวว่า “เรื่องราวของพวกเราเป็นการพาผู้ชมไปผจญภัย และภาพ 3 มิติจะทำให้พวกเขาอินกับเรื่องเราวได้มากขึ้น เวลาที่แมนนี่ ดิเอโก้และซิดโต้คลื่นยักษ์ฝ่าพายุ ภาพ 3 มิติจะพาผู้ชมโต้คลื่นไปกับตัวละคร และพวกเขาจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้”
“เรามองหาวิธีใหม่ๆ เพื่อทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเขาได้เข้าไปอยู่ในโลกของ ‘Ice Age’ เธอร์มิเออร์กล่าวเสริมว่า “คุณจะรู้สึกเหมือนได้สัมผัสทุกอย่างไปกับตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นพวกโจรบนเรือหรือตัวชนวนที่ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกครั้งยิ่งใหญ่จากแกนกลางโลกก็ตาม ”
เมื่อการสร้างแอนิเมชั่นใกล้ถึงช่วงเสร็จสิ้น ทีมงานโพสต์-โพรดักชั่นของภาพยนตร์ก็สร้างผลงานสำคัญของหนัง ผู้ออกแบบซาวด์ให้เรื่อง “Ice Age” และเป็นผู้ชำนาญที่ได้รับรางวัล Academy Award? แรนดี้ ธอม ได้สร้างเสียงที่ดังราวกับฟ้าร้องให้ฉากที่แผ่นโลกแตกออกจากกัน มันเหมือนก้อนน้ำแข็งที่มีความใหญ่เท่ารถบรรทุกมาชนกันอย่างต่อเนื่องจนเป็นน้ำ ฉากหน้าผาเคลื่อนเข้าไปหาฝูงสัตว์ ฉากที่สแครชเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในแกนกลางโลก และฉากการพูดของพวกไฮแรกซ์ที่ฟังไม่ออกแต่มีเสน่ห์
จอห์น โพเวล ผู้ประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์ได้เอาธีมเพลงของ “Ice Age” ภาคก่อนๆ มาใช้ และได้ประพันธ์เพลงที่มีความเพราะขึ้นมา เพื่อตอกย้ำอารมณ์ความรู้สึกระหว่างแมนนี่กับพีเชียส และความรู้สึกที่แมนนี่อยากกลับไปอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ขณะเดียวกันสร้างความสมบูรณ์ด้วยการใส่เพลง “Chasing the Sun” ที่ร้องโดยวงดนตรีป๊อปจากฝั่งอังกฤษชื่อดัง The Wanted; เพลงที่ขับร้องโดยกัตต์ “Master of the Seas” และ “We Are (ธีมเพลงจาก ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT)” เอสเตอร์ ดีน ผู้ประพันธ์เพลงสุดท้ายและได้สร้างซาวด์แทร็คให้เรื่อง “Rio” จำนวน 2 เพลงเล่าว่า เพลงนั้น “แสดงให้เห็นว่าครอบครัวไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือดูสมบูรณ์แบบ แต่ครอบครัวคือการอยู่ร่วมกัน นั่นแหละที่สมบูรณ์ที่สุด”
ในความเป็นจริงภาพยนตร์เรื่อง “Ice Age” การขยายครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นดูเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่ในความเป็นจริงมันคือครอบครัวที่อยู่ในอุดมการณ์ “ประเด็นเกี่ยวกับความสำคัญของครอบครัวเป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่อง ‘Ice Age’” มาร์ติโน่กล่าว “ผู้ชมทั่วโลกสนุกกับเรื่องราวของครอบครัวที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แม้ว่าตัวละครของเราจะไม่สมประกอบดีสักเท่าไหร่ และมีความหลากหลายแตกต่างกันไป แต่พวกเขาก็สามัคคีกันเสมอและทำสิ่งดีๆ ขึ้นมาเสมอ”
ฉะนั้นจุดเริ่มต้นของเรื่อง “Ice Age” ที่เป็นทั้งเพื่อนและครอบครัวได้อย่างน่าประหลาดสุดในโลก ซึ่งได้แก่ แมมมอธมีขนสมัยดึกดำบรรพ์ ตัวสล็อธ และเสือเขี้ยวดาบได้เติบโตขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลง มีสมาชิกใหม่ซึ่งรวมถึงภรรยา ลูกสาว คู่ “พี่น้อง” และคุณย่าที่มารวมแกงค์ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแมนนี่ ซิด ดิเอโก้และเหล่าสมาชิกที่ขยายตัวขึ้นมาของพวกเขาก็มีความเปลี่ยนแปลง “พวกเขาต่างมีความเปลี่ยนแปลง และพวกเราก็ร่วมเผชิญการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาทั้งทางด้านร่างกายและด้านความรู้สึก” ลอรี่ ฟอร์เต้ กล่าว “แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน พวกเขาก็ยังเป็นตัวละครที่พวกเรารู้จักและหลงรักอยู่ดี”
แล้วเจ้าสแครชที่ทั้งชีวิตดูเหมือนจะมีแต่การไล่ตามลูกโอ๊คที่เขาทำมา… ทั้งชีวิตล่ะ? “มันตลกทุกครั้งที่ได้เห็นว่าเขาทำอะไรงี่เง่าขนาดไหน” สตีฟ มาร์ติโน่กล่าว “และความงี่เง่าของเขาในเรื่อง ICE AGE: CONTINENTAL DRIFT ที่ทำให้เปลือกโลกแตกตัวได้นี่แหละที่เป็นครั้งยิ่งใหญ่ครั้งแรกและเป็นของจริงเลย”