กรุงเทพฯ--16 ก.ค.--MTS Gold Futures
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,569 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,590 เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.59 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,600 บาท กับ 23, 700 บาท และกลับมาปิดที่ 23,600 บาท กับ 23,700 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4,810 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 12,916 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 51 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 3 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 7 % Silver Futures เพิ่มขึ้น 0.4 % GFQ12 ปิดที่ 23,960 บาท และ GFV12 ปิดที่ 24,070 บาท และ GF10Q12 ปิดที่ 23,960บาท และ GF10V12 ปิดที่ 24,060 บาท SVQ12 ปิดที่ 877 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 26.7 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,592.3 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 20.8 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 27.369 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,269.73 ตัน (ถือครองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 87.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 203.82 จุด ปิดที่ระดับ 12,777.09 จุด
Ratio Gold / Silver 57.6 เท่ากับ ต่อ 1
ข่าวที่สำคัญ
TheBullionDesk, Reuters, CNBC และ Infoquest
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเกือบถึงระดับ 1,600 เหรียญจากข่าวลือในเรื่องที่ว่า อาจมีการเข้าแทรกแซงทางการเงินเพิ่มเติมจากจีนและยุโรป ซึ่งตลาดมองเห็นถึงภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ชะลอตัวลง จากตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ เช่น จีดีพีของจีนประจำไตรมาสที่ 2 ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีออกมาที่ระดับ 7.6% จากเดิม 8.1% และจากการที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศดาวน์เกรดพันธบัตรอิตาลีลง 2 ขั้นเมื่อวันศุกร์ อาจกระตุ้นให้เกิดการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินเพิ่มเติม
นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีน ได้กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพยายามทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ และจะมีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในครึ่งปีหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางนโยบาย
CME Group กล่าวในรายงานว่า ตลาดทองคำสร้างความประหลาดใจให้กับการซื้อขายด้วยการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงตอนกลางคืนวันศุกร์ แต่ดูเหมือนว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นตัวสนับสนุนต่อราคาทองคำ และเทรดเดอร์บางรายก็เห็นว่าการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันช่วยให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกันกับตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวันศุกร์ UoM Consumer Sentiment ที่ออกมาลดลงสู่ระดับ 72 จากระดับ 73.2 ในขณะที่ตัวเลข PPI ออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 0.1% นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรก็มีส่วนสนับสนุนราคาทองคำเช่นกัน
โดยตลาดหุ้นต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากเจพีมอร์แกน เชส ธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐ รายงานผลกำไรไตรมาสที่ 2 แข็งแกร่งเกินคาดอยู่ที่ระดับ 4.96 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าผลขาดทุนในธุรกิจเทรดดิ้งในวงเงิน 4.4 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายก็ยังไม่เห็นด้วยว่าจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางต่างๆ ถึงแม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นมาพร้อมกับตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ แต่ตลาดทองคำยังคงปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันจากความคาดหวังในเรื่องมาตรการ QE3 ดูลดเลือนไป โดยที่ปรึกษาจาก Quantitative Commodity Research ได้กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าเฟดจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการผ่อนคลายทางการเงินในไตรมาสนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เสื่อมโทรมอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณให้ในสัปดาห์นี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอีก
มูลค่าการถือครองทองคำของ Gold ETF ลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งตลอดเดือนนี้ กองทุนทองคำ SPDR มีการเทขายทองคำออกเกือบ 10 ตัน
ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 กรกฎาคม กลุ่ม Hedge funds และผู้จัดการฝ่ายการเงินลดสถานะ Long position สุทธิในสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สและสัญญา Options ลงเกือบ 20% เนื่องจากการที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวได้กระตุ้นให้นักเก็งกำไรลดการลงทุนในแนวโน้มขาขึ้น
ทางฝั่งยุโรป โพลสำรวจเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ชาวกรีกส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลมีการเจรจากับกลุ่มทรอยก้าเพื่อขอขยายเวลาในเรื่องการช่วยเหลือทางการเงิน
ทางด้านสเปน เอกสารทางการเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า การปฏิรูปล่าสุดของสเปนจะมีการลดยอดขาดดุลลงไปอยู่ที่ระดับ 5.64 หมื่นล้านยูโร หรือ 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในอีก 2 ปีครึ่งข้างหน้า ซึ่งเป็นปริมาณที่ลดลงไป 8.6 พันล้านยูโรจากก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่นายกรัฐมนตรีสเปน นายมาเรียโน ราฮอย ได้ให้สัญญาว่ารัฐบาลจะมีการประหยัดงบประมาณจากการเพิ่มภาษีและตัดลดการใช้จ่ายรวมมูลค่า 6.5 หมื่นล้านยูโร
ในวันอาทิตย์ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเปิดเผยว่า เธอมีความมั่นใจว่าผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ของเยอรมนีจะสนับสนุนการช่วยเหลือภาคธนาคารสเปน
ส่วนในวันอังคารและวันพุธนี้ นายเบน เบอร์นันเก จะมีการเสนอรายงานนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรส โดยกลุ่มนักลงทุนจะมองหามุมมองของเฟดในการที่จะระบุถึงมาตรการ QE3
ข่าวทางด้านราคาน้ำมัน เมื่อวันศุกร์ สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 87.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากแนวโน้มอุปทานมีที่ตึงตัวอันเนื่องมาจากการเพิ่มมาตการคว่ำบาตรต่ออิหร่านและปัญหาด้านการผลิตในทะเลเหนือ โดยล่าสุดนายอาลี ฟาดาวี ผู้บัญชาการกองทัพเรือของกองกำลังปกป้องการปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ของอิหร่าน กล่าวย้ำเมื่อวันเสาร์ว่ากองทัพของอิหร่านได้ควบคุมช่องแคบฮอร์มุซไว้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว เขากล่าวย้ำว่าอิหร่านสามารถจะปิดช่องแคบฮอร์มุซได้เต็มที่ โดยระบุว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบใดที่ความมั่นคงและผลประโยชน์ของอิหร่านไม่ได้รับผลกระทบ แต่หากสหรัฐต้องการจะสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของภูมิภาค ทุกฝ่ายก็จะเผชิญกับความเสียหายเช่นเดียวกัน
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวันศุกร์
- PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ - 1.0% คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ -0.5% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ -0.3%
- Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.2% เท่าเดิม
- Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 73.2 คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 73.5
ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 72.0
- Federal Budget Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 124.6 B คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ -91.7B ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ -59.7B
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
- Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ — 0.4% คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 0.1%
- Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 0.1%
- Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 2.3 คาดการณ์ว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 3.9
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียเช้าวันนี้ลดลงมาเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 1,586 เหรียญ จากราคาปิดในตลาด COMEX เมื่อคืนวันศุกร์ประมาณ 1,588 เหรียญเศษ ภาพโดยทั่วไปยังเป็นการแกว่งตัวอย่างมากของราคาทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน่าจะเป็นเรื่องของความตึงเครียดในช่องแคบฮอร์มุซที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และราคาทองคำก็มีการปรับตัวสูงขึ้นตาม อย่างไรก็ดีวันนี้มีการประกาศตัวเลขสหรัฐฯหลายตัว ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว ตัวเลขต่างๆ มีการคาดหวังว่าจะออกมาดีขึ้น และทางด้านภาคการผลิตก็ดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งถ้าตัวเลขเป็นไปตามที่คาดการณ์ก็จะส่งผลต่อราคาทองคำในทิศทางขาลง ส่วนค่าเงินดอลลาร์เองยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร มาอยู่ที่ระดับ 1.2215 ดอลลาร์/ยูโร ลดลงมาประมาณ 18 pips ในขณะที่ค่าเงินบาทเองก็ปรับตัวอ่อนค่าลงจากคืนวันศุกร์เล็กน้อยประมาณ 3 — 4 สตางค์ มาอยู่ที่ระดับ 31.61 — 31.63 บาท/ดอลลาร์ วิเคราะห์ทางเทคนิคได้ว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มในทิศทาง Sideway down โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,600 เหรียญ และแนวรับอยู่ที่ 1,580 และ 1,570 เหรียญตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นแนวรับระยะสั้นแบบรายวันเท่านั้น
Gold Futures Q12 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,820 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,050 บาท
Gold Futures V12 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,930 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,150บาท
Silver Futures Q12 จะมีแนวรับที่ระดับ 860บาท และแนวต้านที่ระดับ 890 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)
เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,580 — 1,600 เหรียญ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนทำกำไรในทิศทางขาลง ให้ทำ Short position เมื่อราคาไปชนแนวต้านด้านบนบริเวณ 1,595 เหรียญขึ้นไป
นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade)
ทำกำไรในทิศทางขาลง โดยใช้พอร์ทประมาณ 10% — 15% เช่นเดิมในการเปิด Short position
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
เช่นเดียวกันเป็นการฝากทองไว้หรือยืมทองมาขายล่วงหน้าเพื่อเปิดทำกำไรในทิศทางขาลง แทนที่จะรอ โดยใช้พอร์ทประมาณ 10% เท่านั้น
สรุปได้ว่า ภาพรวมยังมองเป็น Sideway down แนะนำให้นักลงทุนที่มี Long position ควรที่จะปิด Long เป็นอย่างน้อย ถ้าไม่ต้องการทำShort Positon บริเวณเเนวต้าน
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง