กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ยักษ์ใหญ่แอลพีจีในภูมิภาคเอเชียตะวันออก - สยามแก๊สฯ (SGP) คาดราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกที่ขยับขึ้นตั้งแต่ต้นไตรมาส 3 จะต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4 รับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ทยอยซื้อแก๊สเข้ามาจัดเก็บในคลังสินค้าใหญ่ในจีน มั่นใจมีความพร้อมทุกด้าน ทั้งคลังแก๊สในจีนที่ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออก และความพร้อมด้านโลจิสติกส์ รองรับความต้องการของลูกค้าได้เต็มที่ ขณะที่ตลาดในประเทศ ยังไปได้สวย แม้รัฐมีนโยบายลอยตัวแก๊สดันราคาสูงขึ้น แต่เชื่อไม่ส่งผลต่อความต้องการใช้แก๊ส เหตุต้นทุนต่ำและคุ้มค่าสุดหากเทียบกับพลังงานชนิดอื่น
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้นำตลาด LPG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องต้นไตรมาส 3 ของปีนี้ ราคาแก๊สแอลพีจีในตลาดโลกมีการปรับลดลงเป็นอย่างมากจากช่วงต้นปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯสำหรับไตรมาส 2 นี้ แต่ทาง SGP เองก็ไม่ได้เป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัททั้งปีในปีนี้ ขณะนี้ราคาแก๊สมีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส 3 และคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึงไตรมาสที่ 4 ซึ่งนอกจากจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลแล้ว ความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีในทวีปเอเชียก็เพิ่มขึ้นด้วย แม้ที่ผ่านมาจะมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจยุโรปก็ตาม ดังนั้นหากจะมองธุรกิจของบริษัท จำเป็นที่จะต้องดูผลประกอบการทั้งปี รวมถึงการมองธุรกิจให้ยาวขึ้น
“หลังไตรมาสที่ผ่านมาราคาแก๊สได้เข้าสู่จุดต่ำสุด เราเริ่มเห็นสัญญาณราคาแก๊สตลาดโลกกลับมาปรับราคาสูงขึ้นอีกครั้งในไตรมาส3 ส่วนราคาแก๊สจะขยับไปมากกว่า 1,000 เหรียญต่อตันหรือไม่ในช่วงไตรมาส 4 ยังยากต่อการคาดการณ์ได้ แต่ด้วยประสบการณ์บริหารคลังแก๊สของ SGP เราจึงเริ่มทยอยสต๊อกแก๊สในคลังที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารสินค้าคงคลังให้สอดคล้องกับช่วงฤดูกาล เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการจำหน่ายแก๊สในช่วงราคาที่ดีที่สุด ที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น” นางจินตณา กล่าว
ขณะที่การรุกขยายตลาดแก๊สในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งคลังจัดเก็บ ระบบการขนส่ง และทีมการตลาด ด้วยจุดแข็งของบริษัทฯ ที่มีคลังแก๊สขนาดใหญ่ 2 แห่งในจีนที่รวมแล้วถือว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก ที่ป้อนแก๊สให้กับลูกค้า เสริมด้วยยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งทางเรือ ที่บริษัทฯ ได้ใช้เรือขนส่งแก๊สขนาดใหญ่หรือ VLGC เป็นคลังลอยน้ำใกล้ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเจาะตลาดประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นข้อได้เปรียบของ SGP ในด้านต้นทุนการขนส่ง ที่ช่วยให้บริษัทฯสามารถขยายตลาดและสามารถจัดส่งสินค้าได้ตามปริมาณความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯสูงขึ้น และมีการทำสัญญาซื้อแก๊สในระยะยาว จึงมั่นใจว่าภาพรวมทิศทางการดำเนินงานในต่างประเทศปีนี้ จะมีการเติบโตที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP กล่าวอีกว่า แม้ภาครัฐมีนโยบายลอยตัวราคาแก๊สในประเทศที่มีผลต่อราคาปรับตัวสูงขึ้นบ้างในอนาคต แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้แก๊สแอลพีจี ในกลุ่มยานยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรมและครัวเรือน เนื่องจากต้นทุนแก๊สยังมีราคาถูกและคุ้มค่ากว่าพลังงานชนิดอื่น และมีความสะดวกในการใช้งานมากกว่า ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและภาคยานยนต์ หันมาใช้แก๊สแอลพีจีเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการขยายสถานีบริการจำหน่ายแก๊ส(ปั๊มแก๊ส) เพิ่มขึ้น รองรับความต้องการใช้แก๊สแอลพีจีในภาคขนส่งที่สูงขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมา ลูกค้ามีความเชื่อมั่นต่อตราสินค้าสยามแก๊สและการให้บริการมากขึ้น ทำให้ในปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า ยอดขายภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น 8-9% หรือคิดเป็นปริมาณการขายกว่า 1.3 ล้านตัน
“โดยภาพรวมในครึ่งปีหลัง ถือเป็นปีที่ดีมากสำหรับ SGP ที่เราสามารถสร้างรายได้จากการเข้าไปลงทุนคลังแก๊สในจีนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะเดียวกันตลาดในประเทศก็มีอัตราการใช้แก๊สแอลพีจีที่เพิ่มขึ้น เราจึงอยากให้ความเชื่อมั่นกับผู้ลงทุนว่าบริษัทสยามแก๊สเป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว” นางจินตณา กล่าว