กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย พร้อมขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม 23-27 ก.ค.นี้ จำนวน 4.8 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุน รองรับการขยายสินเชื่อก้าวกระโดด
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ตามที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 18 ของธนาคาร เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2555 ได้มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของธนาคารจำนวน 2,447,390,213.00 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 8,157,967,378.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 10,605,357,591.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 4,894,780,426 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.50 บาท ต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตรา 3 หุ้นใหม่ ต่อ 10 หุ้นเดิมของหุ้นธนาคาร โดยเสนอขายในราคา 1 บาทต่อหุ้นนั้น ธนาคารได้กำหนดระยะเวลารับจองซื้อหุ้นและรับชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ถึง 27 กรกฎาคม 2555
พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการรับทราบข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น ธนาคารได้เผยแพร่เอกสารการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน ผ่านเว็บไซต์ของธนาคารที่ www.cimbthai.com หัวข้อ “นักลงทุนสัมพันธ์” ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2555 ถึงวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2555 อีกทั้งธนาคารจะจัดส่งหนังสือแจ้งสิทธิการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2555 ตามรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2555 กรณีถ้ามีหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายที่เหลือจากการเสนอขายตามสิทธิ ธนาคารจะนำหุ้นที่เหลือไปจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายที่จองซื้อเกินสิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้นจนกว่าหุ้นดังกล่าวจะหมด
นายสุภัค กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุน ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้อีก 3-4 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับความต้องการสินเชื่อในตลาดที่มีปริมาณสูงขึ้นตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ 20-30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งธนาคารขยายสินเชื่อได้ 27% เพราะเล็งเห็นความต้องการสินเชื่อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อย และลูกค้าผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ดังนั้น การเพิ่มทุนอีก 4,894 ล้านบาทรอบนี้ จึงเป็นไปตามข้อกำหนดของทางการที่ต้องการควบคุมขนาดของเงินกองทุนให้สอดคล้องกับปริมาณการขยายสินเชื่อที่จะเติบโตขึ้น” นายสุภัค กล่าว