กรุงเทพฯ--17 ก.ค.--บิ๊กคาเมร่า
Big Camera ฉลองครบ30 ปี เปิดโครงการ CSRคืนกำไรสู่สังคม “เปิดตาดี สู่สังคมไทย 30th Anniversary” หารายได้รักษาดวงตาผู้ป่วยยากจน ด้านแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง ยังรุกกลยุทธ์ครองความเป็นผู้นำ ศูนย์รวมกล้องดิจิตอลและอุปกรณ์เสริม และขยายสาขาเพิ่มเป็น200แห่งสินปีนี้ เร่งเปิดสินค้าและบริการใหม่มัดใจลูกค้าตลอดปี
ชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บิ๊กคาเมร่า จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้ทำธุรกิจมา30 ปีโดย “Big Camera” เริ่มต้นธุรกิจกล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ถ่ายภาพ ในรูปแบบของการขายส่งสินค้า โดยจำหน่ายให้แก่ร้านล้าง-อัดภาพทั่วไป จนมาถึงช่วงปี พ.ศ. 2540 ที่เกิดวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งมักจะซื้อสินค้าจากร้านค้าริมถนน มาเป็นเลือกซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าและโมเดิร์นเทรดต่างๆเนื่องจากความสะดวกสบาย จึงได้มีการปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจมาทำธุรกิจในรูปแบบของการค้าปลีก และเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายของตนเองพร้อมกับเร่งสร้างแบรนด์ในฐานะของศูนย์รวมกล้องดิจิตอลที่ครบครันที่สุด โดยปัจจุบันมีสาขาอยู่ราว 190 สาขา และเตรียมเพิ่มเป็น 200 สาขาในสิ้นปีนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมา “Big Camera” จะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค แต่หากต้องการเป็น Top of Mind และยังคงยืนอยู่ในแถวหน้าของวงการ ต้องเป็นมากกว่าแค่ศูนย์รวมกล้องดิจิตอล และอุปกรณ์เสริม เป้าหมายดังกล่าวนี้ คือแรงผลักดัน และเป็นที่มาของการพัฒนา และต่อยอดธุรกิจขึ้นมาใหม่ภายใต้ คอนเซ็ปท์ “Photographic Solution”
ทั้งนี้ จากที่คลุกคลีอยู่ในวงการกล้องมานานกว่า10 ปี เผยถึงโครงสร้างธุรกิจของ “Big Camera” ในวันนี้ว่าได้มีขยายธุรกิจขึ้นมา โดยมีการสร้าง Sub — Brand ขึ้นมาใหม่ 4 แบรนด์เริ่มต้นจาก “Big Camera Galleria” แฟลกชิป สโตร์ พื้นที่กว่า 200 ตารางเมตร ศูนย์รวมกล้องดิจิตอลทุกแบรนด์ และอุปกรณ์เสริมอย่างครบครัน โดยปัจจุบันมีอยู่ 2 สาขา คือที่ เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว โดยจุดเด่นของ Big Camera Galleria ไม่เพียงแค่มีสินค้าให้เลือกมากที่สุด แต่ยังมีการจัดโซนการถ่ายภาพให้ลูกค้าได้ลองทดสอบใช้งานกล้องได้ตามความพึงพอใจอีกด้วยถัดมาคือ Big Camera Plus+ บริการทำ “Photo Book” ทั้งนี้ “ชิตชัย” เผยถึงแนวคิดของบริการทำสมุดภาพโฟโต้บุ๊คนี้ว่า โจทย์หลักในการทำธุรกิจของ Big Camera คือพยายามหาความต้องการของลูกค้าแล้วพัฒนาสินค้าหรือบริการนั้นๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ซ่อนอยู่เหล่านั้น
สิ่งที่พบคือว่าวันนี้ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในเมือง นิยมถ่ายรูปแล้วเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือในมือถือ มีเพียงส่วนน้อยที่จะล้างรูปออกมา ซึ่งจากจุดนี้เองจึงเกิดแนวคิดในการลงทุนเปิดให้บริการ “Photo Book” ขึ้นมา โดยถือว่า Big Camera เป็นเจ้าแรกที่พร้อมให้บริการทางด้านนี้อย่างจริงจัง โดยได้ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ในการซื้อเทคโนโลยีจาก “ฟูจิซีร็อกซ์” เพื่อให้กระบวนการผลิต “Photo Book” ดีและสมบูรณ์ตรงใจลูกค้ามากที่สุดเป้าหมายของการให้บริการ “Photo Book” นั้น เพียงแค่ให้ลูกค้ารู้สึกว่า Big Camera มีบริการที่ครบครัน แต่บริการนี้ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของการสร้าง Loyalty Program และ Brand Awarenessไปในขณะเดียวกัน ทั้งนี้เพราะเมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อกล้องภายในร้าน แล้วได้เห็นว่ามีบริการนี้ก็จะกลับมาใช้บริการ และเกิดการบอกต่อไปยังกลุ่มเพื่อนๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแค่เรื่องของรายได้ แต่แบรนด์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
นอกจากนี้ยังได้เปิด 2 แบรนด์ใหม่ อย่าง Big ProCare Service และ Big Fix ขึ้นมาเพื่อเพิ่มในส่วนของการให้บริการแก่ลูกค้าที่มากกว่าร้านจำหน่ายกล้องทั่วๆไป พร้อมฉายภาพของบริการในแต่ละแบรนด์ว่า สำหรับ Big ProCare Service คือการให้บริการรับประกันความคุ้มครองกล้องเพิ่มเติมเป็น 3 ปี เต็ม จากปกติที่เจ้าของแบรนด์กล้องรับประกันอยู่เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ส่วน Big Fix คือบริการรับซ่อมกล้อง ซึ่งทาง Big Camera มีทีมช่างที่เชี่ยวชาญทางด้านกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะ และเปิดให้บริการส่วนนี้มานานกว่า 1 ปีแล้ว
ซึ่งทั้ง 3 บริการใหม่อย่าง Big Camera +Plus, Big ProCare Service และ Big Fix นั้นจะเปิดให้บริการภายในสาขาของ “Big Camera” ที่มีอยู่ราว 190 แห่งทั่วประเทศ และการให้บริการที่ครบวงจรเช่นนี้เองทำให้ “Big Camera” แตกต่าง และแข็งแกร่งกว่าผู้เล่นรายอื่นๆส่วนในแง่ของ การขยายสาขา แล้ว “ชิตชัย” เผยถึงแผนการทำตลาดในปีนี้ว่า จะมีการเพิ่มสาขาขึ้นอีกราว 10 แห่ง โดยโฟกัสไปยังตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยจะเปิดสาขาตามต่างจังหวัด เพื่อให้มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกับเตรียมกระตุ้นตลาดผ่านกิจกรรมแคมเปญตลอดทั้งปี ทว่าการจัดโปรโมชั่นต่างๆ นั้นต้องจัดวาง และเลือกเหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าด้วย
นอกเหนือจากการจัดโปรโมชั่นตอบแทนลูกค้าตลอดทั้งปีแล้ว “ชิตชัย” กล่าวว่า ในปีที่ “Big Camera” ครบ รอบ 30 ปีเต็ม ได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม และเปิดโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนที่สนใจได้ร่วมทำความดี โดยได้ร่วมกับหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรม สภากาชาดไทย ทำโครงการที่ชื่อ “เปิดตาดี สู่สังคมไทย 30th Anniversary” เพื่อหารายได้ช่วยในการรักษาดวงตาให้แก่ผู้ป่วยตามต่างจังหวัดที่มีฐานะยากจน ไม่มีเงินพอในการรักษาดวงตาที่ต้องใช้เงินมากถึง 3,500 — 7,000 บาท /ดวงตา และไม่สามารถเดินทางเข้ามารักษาตามสถานพยาบาลได้นั้นเอง โดยเป้าหมายของโครงการนี้คือการมอบทุนเพื่อรักษาดวงตาให้ได้ราว 300 ดวงตาภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ “ชิตชัย” เผยถึงรายละเอียดของโครงการดังกล่าวว่า ได้มีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ การเปิดรับบริจาค โดยทาง Big Camera ได้จัดตั้งบูธให้ถ่ายรูปรับบริจาค โดยเงินรายได้ทั้งหมดจะมอบให้แก่ทาง หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรม สภากาชาดไทย โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
พร้อมกับเตรียมทำวิดีโอเพื่อเผยแพร่ความรู้ในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางด้านดวงตา พร้อมกับวิธีการดูแลดวงตา หลังจากผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย และมีการจัดกิจกรรมอาสาดูแลผู้ป่วยทางด้านดวงตาขึ้น โดยงานนี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีจิตอาสาได้ร่วมเดินทางไปกับพนักงาน Big Camera และทางหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรม สภากาชาดไทย ในการลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยทางด้านดวงตาส่วนใหญ่ คือผู้สูงอายุซึ่งกลัวเรื่องของการผ่าตัด ต้องการกำลังใจอย่างมาก ซึ่งการที่จิตอาสาได้เข้าไปร่วมพูดคุยนั้น จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย และยอมเข้ารับการรักษาโดยง่ายขึ้นนั่นเอง