กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--กทม.
ประชุมสภากทม.เลื่อนอีก เหตุเพราะสมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุม ประธานสภากทม. เรียกร้องให้สมาชิกทุกคนนึกถึงหน้าที่และภารกิจของตนเองที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้
เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.47) เวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร ได้กำหนดให้มีการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่ 1) ซึ่งเลื่อนมาจากการประชุมครั้งที่แล้ว เมื่อวันที่ 7 ก.ค.47 ที่มีสมาชิกมาลงชื่อเข้าร่วมประชุม 30 คน จาก 61 คน ซึ่งไม่ครบองค์ประชุม อย่างไรก็ตามในการประชุม วันนี้ (14 ก.ค.47) มีผู้มาลงชื่อเข้าประชุมเพียง 29 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานครสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ประชากรไทย และกลุ่มมดงาน เมื่อถึงเวลา 10.47 น.
ประธานสภากรุงเทพมหานครเห็นว่าสมาชิกสภากรุงเทพมหานครมาประชุมไม่ครบองค์ประชุมและไม่สามารถเปิดการประชุมได้จึงมอบหมายให้ นายจำเริญ ศิริพงศ์ติกานนท์ เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร เลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 21 ก.ค.47
ภายหลังประกาศเลื่อนการประชุม นายธนา ชีรวินิจ ประธานสภากรุงเทพมหานคร ได้แถลงข่าวกรณีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครมาประชุมไม่ครบองค์ประชุม โดยมีสมาชิกสภากรุงเทพมหานครจำนวนหนึ่งร่วมแถลงข่าว โดยประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนเคารพในสิทธิของสมาชิกทุกคน สมาชิกมิสิทธิที่จะคัดค้านหรือแสดงความคิดเห็นใดๆก็ตาม ตามความต้องการของสมาชิก แต่ในวันนี้สมาชิกทุกคนรู้ดีว่าทุกคนต่างมีหน้าที่ออกกฎหมายถ้าไม่เคารพกฎหมายบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ทั้งนี้การใช้สิทธินั้นทำได้ แต่การไม่มาปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นเรื่องสมควรหรือไม่ คงต้องให้ประชาชนช่วยพิจารณา รวมถึงกรณีที่ กล่าวว่ากระทรวงมหาดไทยยังไม่พิจารณาคำสั่งแต่งตั้งประธานสภากทม.นั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน
“ในฐานะประธานสภากรุงเทพมหานครตนอยากเรียกร้องให้สมาชิกทุกคนนึกถึงหน้าที่และภารกิจของตนเองที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ทำหน้าที่แทน โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณซึ่งเป็นเรื่องสำคัญตนจึงขอให้ทุกคนกลับไปคิดอย่างมีสติเพราะประชาชนกำลังจับตามองการทำหน้าที่ของแต่ละคน การมาประชุมเป็นหน้าที่หลักของสมาชิก ดังนั้นหากไม่ร่วมประชุมตามหน้าที่จะตอบประชาชนว่าอย่างไร” ประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าว
นายโสภณ ขวัญบัว สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตทุ่งครุ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการประชุมเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายของกรุงเทพมหานคร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนถือว่าเป็นหน้าที่ บทบาทที่สำคัญที่สุดของสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ที่ได้รับการคัดเลือกจากประชาชนชาวกทม. แต่ในวันนี้กลับไม่สามารถที่จะดำเนินการประชุมได้ ทั้งที่เป็นวาระที่สำคัญที่สุด เพราะสมาชิกมา ไม่ครบองค์ประชุม ซึ่งงบประมาณรายจ่ายของกทม.ดังกล่าว หากพิจารณาล่าช้าออกไปก็จะส่งผลให้การดำเนินการของกรุงเทพมหานครล่าช้าไปด้วย
นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตบางรัก กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงการทำหน้าที่ของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครในที่ประชุม ซึ่งในวันนี้เป็นญัตติที่มีความสำคัญกับกรุงเทพมหานคร และมีผลต่อการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ในการที่ไม่สามารถเปิดการประชุมได้ ตนคิดว่าสมาชิกสภากรุงเทพมหานครควรจะแยกแยะว่าการประชุมสภากรุงเทพมหานครนั้นเป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกคนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด พรรคใด
ส่วนการที่ให้เหตุผลว่าการไม่เข้าร่วมประชุมเพราะต้องรอผลการพิจารณาแต่งตั้งประธานสภากทม.จากกระทรวงมหาดไทยนั้น ตนคิดว่าไม่ว่ากระทรวงมหาดไทยจะมีผลการพิจารณาออกมาอย่างไร สุดท้ายสมาชิกทุกคนก็ต้องดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป
นายชนินทร์ รุ่งแสง รองประธานสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการมีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมือง ซึ่งสมาชิกสภากทม.สังกัดพรรคฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เสียเปรียบ ตนไม่แน่ใจว่าการแทรกแซงทางการเมืองจะสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ต้องยอมรับว่าทั้งมหาดไทย และคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาล ในวันนี้จึงขอให้ทุกฝ่าย จับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป สำหรับสิ่งที่หลายคนเป็นห่วงว่าอาจจะนำไปสู่เงื่อนไขของการยุบสภานั้น ตนคิดว่าในขณะนี้ใกล้เงื่อนไข ดังกล่าวเข้าไปทุกทีแล้ว ซึ่งเงื่อนไขนั้นขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เห็นว่าอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนี้การพิจารณาญัตติที่สำคัญคือเรื่องของงบประมาณประจำปี 48 ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ จึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ผู้ว่าฯ กทม. หากเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในต่อไปนี้จะส่งผลเสียต่อการบริหารงานของกรุงเทพมหานคร ตนคิดว่าสามารถใช้เป็นเหตุผลในการดำเนินการยุบสภาได้--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--