วิเคราะห์ทางเทคนิค โดย บริษัท จีแคป จำกัด (ช่วงเช้า) วันที่ 19 กรกฎาคม 2555

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 19, 2012 11:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ เทรนด์ระยะสั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นขาลงอีกครั้ง กรอบราคา 1550-1565 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ/ออนซ์มีแรงเทขายออกมา หลังจากประธานธนาคารกลาง ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้ มาตราการเศรษฐกิจผ่อนคลายเชิงปริมาณ QE3 อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจอเมริกาโดยรวมเริ่มขยายตัว แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงชลอตัว ทำให้นักลงทุนผิดหวังจากการคาดการณ์ว่า FED อาจจะส่งสัญญาณการใช้มาตราการ QE3 ในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น ๆ ออกมา ในทางเทคนิคการเทขายรอบนี้กราฟลงได้ลึกพอสมควร ทำให้เทรนด์ระยะสั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นขาลงอีกครั้ง หลังจากเมื่อช่วงดึกของวันวานราคาได้ทำรีบาวน์ ขึ้นไปทดสอบแนวต้านบน ไม่สามารถทำ New High ได้ การนับลูกคลื่นจึงเป็นการนับขาลงอยู่ โดยมองกรอบขาลงรอบนี้อยู่ที่ 1550-1565 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่แนวโน้มระยะกลางราคาทองคำยังคงอยู่ในโซนขาลง หลังจากพยามยามขึ้นไปทดสอบแนวต้านแล้วไม่สามารถทะลุไปได้ ทำให้เกิดแรงเทขายออกมาเป็นระยะ ดังนั้น ในช่วงนี้จึงควรจะเล่นในกรอบแนวรับแนวต้านในแต่ระวันไปก่อน รอความชัดเจนเรื่องการกลับตัวอีกครั้ง ระยะกลางมองกรอบแนวรับที่ 1520-1650 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ ส่วนระยะยาวนั้น เทรนด์รายปียังคงมีมุมมองที่เป็นขาขึ้นอยู่ แต่จากการปรับฐานใหญ่ครั้งนี้ ทำให้การซื้อขายเริ่มชลอตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ซบเซาทางด้านฝั่งยุโรป และคอยติดตามเรื่องนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกาเป็นแนวทางในการตัดสินใจ ระยะนี้ ชลอการลงทุนออกไปก่อน ให้รอซื้อเมื่อราคาปรับตัวอ่อนค่าลง มองกรอบที่น่าเข้าซื้อ 1520-1600 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ สำหรับกรณีที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเผชิญภาวะถดถอยแบบตื้นๆ หากมาตรการปรับลดภาษีสิ้นสุดลงและมีการปรับลดงบประมาณรายจ่ายในต้นปีหน้า หรือที่เรียกว่าภาวะ fiscal cliff นายเบอร์นันเก้ กล่าวในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการ การเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ว่า ภาวะการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้การสร้างงานลดลงราว 1.25 ล้านตำแหน่งในปี 2556 โดยในการแถลงเมื่อคืนนี้ นายเบอร์นันเก้ยังคงเน้นย้ำเช่นเดียวกับการแถลงนโยบายในวันแรกว่า เฟดยังคงมีพันธสัญญาในการผ่อนคลายนโยบายต่อไปในอนาคต หากสถานการณ์บ่งชี้ถึงความจำเป็น แม้ว่าไม่ได้ระบุชัดเจนถึงการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ หรือ QE3 “ตลาดมีความผันผวนเพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นลดลงในฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอภิปรายที่ยืดเยื้อประเด็นการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ผลกระทบที่คล้ายคลึงกันอาจจะเกิดขึ้นเมื่อประเด็นเพดานหนี้และปัญหาทางการ คลังอื่นๆปรากฏชัดมากขึ้นในช่วงใกล้สิ้นปีนี้" นายเบอร์นันเก้ระบุ รัฐบาลมีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลลงหลายระลอกใน ช่วงเดือนม.ค.ปีหน้า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายปัจจุบัน ขณะที่เพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐจะต้องมีการปรับเพิ่มอีกครั้งในปลายปี 2555 หรือต้นปี 2556 ผู้เชี่ยวชาญบางราย ซึ่งรวมถึงนายเบอร์นันเก้ มีความกังวลว่าภาวะ fiscal cliff อาจจะบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง อย่างไรก็ตาม นายเบอร์นันเก้เน้นย้ำว่าความรุนแรงระลอกใหม่ของวิกฤตหนี้ยูโรโซนและความ ไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐฯเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 2 ประการต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ประธานเฟดกล่าวว่านับเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ “วิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไป" ในการเสริมความแข็งแกร่งแก่งบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐ เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะใกล้ นายเบอร์นันเก้กล่าวเสริมว่า แนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่สภาคองเกรสจะสามารถช่วยหนุนเศรษฐกิจ สหรัฐในขณะนี้จะอยู่ที่การจัดการกับความท้าทายทางการคลังของประเทศในวิถีทาง ที่มีการพิจารณาถึงความจำเป็นของความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาวและความ เปราะบางของการฟื้นตัว “การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยลดความไม่แน่นอนและหนุนความเชื่อมั่นในภาค ธุรกิจและภาคครัวเรือนไม่ช้าก็เร็ว" เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย : บริษัท มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ในนาม บริษัท จีแคป จำกัด : รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ E-mail: media-planner @ hotmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ