กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
แม้จะอยู่ในเขตพื้นที่อันตรายอย่าง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หากที่นี่คือครอบครัว คือบ้าน คือที่ทำมาหากิน อย่างไรพื้นที่สีแดงตรงนี้ก็ยังปลอดภัย เหมือน 3 สาวหัวใจแกร่ง นูรไอนี สาและ นางพยาบาลที่ลุยทำงานหนักเพื่อบ้านหลังแรก รัตนา เฮาะมะ คุณครูที่ต้องการความมั่นคงให้แก่ครอบครัว และ สุรภา ศุภรัตนลีลา เจ้าของธุรกิจร้านเสริมสวยที่มองหาอิสรภาพทางด้านเวลา ทั้ง 3 มีความคิดที่ตรงกัน และพร้อมสานฝันด้วยความมุ่งมั่นผ่านธุรกิจเครือข่าย “อาวียองซ์” ภายใต้การดูแลโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างยูนิลีเวอร์ ที่ไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม และเปิดกว้างให้ทั้ง 3 สาวได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง
แม้ต้องเหนื่อยและลุยงานหนัก นูรไอนี สาและ นางพยาบาลแห่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส เผยว่า “เพราะมีฝันอันสูงสุดคือบ้านหลังแรกร่วมกับสามี แม้ว่าเราทั้งคู่จะเป็นข้าราชการ มีรายได้ที่มั่นคง แต่ตัวเลขบัญชีในสมุดแบงค์ไม่เพิ่มขึ้น มีแต่ยอดหนี้สินที่พุ่งแทน จนได้เริ่มทำธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เวลานี้ดิฉันและสามีสามารถซื้อที่ได้แปลงหนึ่งที่อีกไม่นาน เรา 2 คนจะมีบ้านหลังแรกร่วมกัน แม้ว่าจะอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อันตราย แต่หลายๆ ครั้งที่ดิฉันต้องทำธุรกิจและเดินทางกลับบ้านตี 1 ตี 2 ถึงจะเหนื่อย หวาดกลัวด้วยอันตราย แต่เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ความกลัวต่างๆ ดิฉันลืมไปหมดค่ะ เพราะธุรกิจนี้ที่ทำให้ฝันของดิฉันกำลังจะเป็นจริง ดิฉันยังได้มีสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น ได้พบเจอคนที่หลากหลายที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นเช่นกัน ที่สำคัญธุรกิจที่ดิฉันทำอยู่ ยังอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มั่นคง และยังให้ความจริงใจทั้งกับตัวผู้ร่วมธุรกิจและผู้บริโภคด้วยค่ะ”
เช่นเดียวกับ รัตนา เฮาะมะ คุณครูที่ต้องการความมั่นคงให้แก่ครอบครัวจากจังหวัดปัตตานี เผยว่า “เพราะธุรกิจเครือข่ายนี้ที่ทำให้สังคมของดิฉันเปิดกว้างมากขึ้น ไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ในโรงเรียน แต่ยังเปิดกว้างให้โอกาสสำหรับคนที่ต้องการความมั่นคงให้กับชีวิต ที่ในวันนั้นดิฉันไม่สบายต้องไปโรงพยาบาล ได้พบกับคุณหมอผู้แนะนำให้รู้จักกับธุรกิจเครือข่าย พอได้ทราบถึงการขยายธุรกิจไปมาเลเซีย ด้วยความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง จึงมองเห็นโอกาสและยังทำให้ดิฉันได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง ดิฉันได้เข้าอบรมพร้อมกับนำความรู้จากธุรกิจนี้กระจายต่อไปยังคนอื่นๆ เวลานี้ไม่เพียงตัวเองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คนรอบข้างดิฉันก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วยเช่นกัน และดิฉันยังได้ใช้เวลาอยู่กับลูกๆ มากขึ้น เวลาเดินทางไปอบรมเราก็ไปด้วยกัน จนลูกๆ เวลานี้มีความเป็นนักธุรกิจตาม สามารถช่วยแม่ทำธุรกิจได้นน็น็ ในอนาคตธุรกิจนี้จะเป็นมรดกตกทอดที่ดิฉันส่งต่อให้ลูกชาย อย่างไรเสียดิฉันยังมองว่าปัตตานีที่ดิฉันอยู่ คือบ้านแม่ บ้านที่อบอุ่น บ้านที่มีความปลอดภัย อยู่ที่นี่ ทำธุรกิจที่นี่ และดิฉันก็มีความเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ ยังจะมีเศรษฐีเกิดขึ้นที่นี่อีกหลายคน”
และ สุรภา ศุภรัตนลีลา เจ้าของธุรกิจร้านเสริมสวยในจังหวัดยะลา 1 ในพื้นที่สีแดง ที่ไฟแรงติดเครื่องเดินหน้าลุยธุรกิจด้วยความรัก เพราะเป็นงานที่ให้อิสรภาพทางด้านเวลา เผยว่า “เศรษฐกิจช่วงนี้ซบเซาจึงต้องหาธุรกิจอื่นมาเสริม แม้ว่าจะมีกิจการร้านเสริมสวย แต่จำนวนลูกค้าก็ลดน้อยไปเรื่อยๆ จนหลานมาชักชวนให้ทำธุรกิจเครือข่าย ทั้งที่ก่อนหน้าก็ทำอยู่เช่นกัน แต่พอมาจับธุรกิจเครือข่ายอาวียองซ์ ด้วยความมีชื่อเสียงมายาวนาน ประกอบกับสินค้าระดับพรีเมี่ยม จนเวลานี้ธุรกิจหลักที่เป็นร้านเสริมสวยที่ทำมา 20 ปี กลับเป็นเหมือนธุรกิจสำรองไปแทน ลูกค้าเข้าร้านนึกว่ามาทำผม แต่กลับมาถามหาสินค้าผลิตภัณฑ์ จึงกลายเป็นสีสันสร้างความคึกคักให้แก่ร้านเสริมสวยของตัวเองไปโดยปริยาย และเพราะธุรกิจนี้ที่ทำให้ดิฉันมีอิสรภาพทางด้านเวลา มีโอกาสได้ตามลูกสาวซึ่งต้องไปเรียนกวดวิชาข้ามจังหวัด ดิฉันปิดร้านและไปเช่าบ้านอยู่กับลูกสาวเป็นเวลา 10 กว่าวัน โดยที่ธุรกิจของดิฉันไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ดิฉันมองว่านอกเหนือจากรายได้ที่งดงาม เรายังมีเวลาที่ทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารักมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นธุรกิจที่เราไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง เพราะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอยู่ทั่วโลกคอยดูแล ดิฉันจึงยังยืนยันที่จะทำธุรกิจบนพื้น ที่สีแดง ที่หลายคนมองว่าอันตราย แต่สำหรับดิฉันที่นี่คือบ้านและที่ทำมาหากิน”
แม้จะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย คำว่า “อันตราย” กับ “โอกาส” 3 สาวหัวใจแกร่งประกาศชัดแล้วว่าเธอเลือกโอกาส แม้โอกาสจะอยู่ในพื้นที่สีแดง แต่ในสีแดงนั้นพวกเธอมองเห็น “โอกาสทอง”