กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท “บ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์”ที่ “BBB” พร้อมคงอันดับองค์กรที่ “BBB+” และหุ้นไม่มีประกันชุดเดิมที่ “BBB” แนวโน้ม “Stable”
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระหนี้เดิมและใช้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน ตลอดจนกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้า และคอนโดมิเนียมที่รอการส่งมอบจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการคอนโดมิเนียม
“โนเบิล เพลินจิต” มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัท รวมถึงภาระหนี้จำนวนมากซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมดังกล่าว การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานด้วย
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยส่วนที่เหลือได้ตามกำหนด อีกทั้งกระแสเงินสดก็จะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการ แม้จะมีความต้องการเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” และโครงการใหม่อื่น ๆ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับ ณ ปัจจุบันในระหว่างการพัฒนาโครงการดังกล่าวได้ นอกจากนี้ การก่อสร้างควรแล้วเสร็จตามแผนการที่วางไว้โดยไม่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากอัตราการขายโครงการคอนโดมิเนียมต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมากหรืออัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่าระดับปัจจุบัน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางซึ่งก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 ตระกูลธนากิจอำนวยและเครือญาติยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2555 มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกัน 15% บริษัทเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาตั้งแต่ปี 2549 เนื่องจากแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยหันมานิยมการมีที่พักอยู่ในเมืองมากขึ้น ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2555 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัย 17 โครงการ ด้วยมูลค่าเหลือขายประมาณ 12,400 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายที่รอการส่งมอบในช่วงที่เหลือของปี 2555 จนถึงปี 2560 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,900 ล้านบาท ที่อยู่อาศัยในโครงการของบริษัทประกอบด้วยคอนโดมิเนียมซึ่งคิดเป็น 82% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 8% ทาวน์เฮ้าส์ 7% และที่ดินเปล่า 3% การออกแบบที่อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้โครงการของบริษัทมีความแตกต่างไปจากโครงการของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ในปี 2554 เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากถึง 7,860 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็นกว่า 2 เท่าของยอดขายในปี 2553 เนื่องจากการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่คือ “โนเบิล เพลินจิต” อย่างไรก็ตาม ยอดขายของโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 อยู่ที่ 280 ล้านบาทเท่านั้นซึ่งค่อนข้างต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ รายได้รวมของบริษัทในปี 2554 ลดลงอย่างมากเป็น 2,910 ล้านบาท โดยลดลง 43% จากระดับ 5,105 ล้านบาทในปี 2553 ทั้งนี้ การลดลงของรายได้เนื่องมาจากบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 2 โครงการเท่านั้นที่แล้วเสร็จพร้อมโอนคือ “โนเบิล รีมิกซ์ 2” และ “โนเบิล รีวีล” นอกจากนี้ มูลค่าการโอนของโครงการ
“โนเบิล รีมิกซ์ 2” และ “โนเบิล รีวีล” คิดเป็นเพียง 49% และ 59% ของมูลค่าโครงการตามลำดับ รายได้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 ก็ลดลงเช่นกันเป็น 447 ล้านบาท จาก 523 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 อันเนื่องมาจากบริษัทมีปริมาณการโอนที่ลดลง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 14.41% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555 จาก 20.87% ในปี 2554 เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ลดลงและบริษัทมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดมากขึ้น โดย ณ
สิ้นเดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายอื่น โดยอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 61.79% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 จาก 57.53% ในปี 2553 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมสุทธิต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 53.85% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 จาก 51.58% ในปี 2553 โดยภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในโครงการ “โนเบิล เพลินจิต” ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทมีสถานะต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กร 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนของเงินกู้ที่มีหลักประกันต่อสินทรัพย์ในระดับสูง
บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ได้รับผลกระทบจากวิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2544 เพียงเล็กน้อยเนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายโดยเฉพาะรายที่เน้นทำโครงการแนวราบมีรายได้และกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ นโยบายสนับสนุนด้านภาษีและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปลอดดอกเบี้ยของรัฐบาลอาจไม่มีผลกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาสต่อ ๆ ไปเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถดถอยลง นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลมีผลบังคับใช้ และภาระหนี้ของผู้ประกอบการที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
NOBLE146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ BBB
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2558 BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)