กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--เวเบอร์ แชนวิค
- ยอดขาย 6 เดือนแรกในประเทศไทยเติบโต 112 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดในภูมิภาคนี้
- โคโลราโด ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มรถกระบะอเมริกันและยุโรป
- ยกระดับสายการผลิตรถและเครื่องยนต์รองรับกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น
บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดจำหน่ายรถในช่วงครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2555 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้แรงกระตุ้นจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นเทรลเบลเซอร์ และโซนิค ออกมาสมทบกับรถคุณภาพเยี่ยมทุกรุ่นของเชฟโรเลต
เชฟโรเลต มียอดจำหน่ายรถยนต์และรถกระบะในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 นี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (32,285 คัน) เมื่อเทียบกับยอดขายของปีที่แล้ว (31,595 คัน) โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มียอดขาย 5,607 คัน เติบโตมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว (2,645 คัน)
ในประเทศไทย เชฟโรเลต มียอดขายตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2555 อยู่ที่ 32,285 คัน ไม่เพียงเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 112 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเท่านั้น แต่ตัวเลขดังกล่าวยังมากกว่ายอดขายของเชฟโรเลตตลอดทั้งปี 2554 อีกด้วย (ปี 2554 ขายได้ 31,595 คัน) ขณะที่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มียอดขายอยู่ที่ 5,607 คัน ขยายตัวกว่า 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2554 (2,645 คัน)
“ถือเป็นครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดของเรา ด้วยการทำลายทุกสถิติยอดขายในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มร.อันโตนิโอ ซาร่า รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และบริการหลังการขาย ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เรามั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโซนิค ในประเทศไทยภายในเดือนนี้ ก่อนที่จะทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป”
ด้วยการแนะนำโซนิคออกสู่ตลาด เชฟโรเลต จะมีอีกหนึ่งรถยนต์คุณภาพเยี่ยมที่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างในระดับโลก สมทบกับรถเชฟโรเลตที่ทำตลาดหลักในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ในเวลานี้
ยอดขายเชฟโรเลต โคโลราโด ในเดือนมิถุนายน มีตัวเลขอยู่ที่ 3,444 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 245 เปอร์เซ็นต์ โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 เป็นต้นมา เชฟโรเลต จำหน่ายโคโลราโด ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 18,354 คัน ถือเป็นรถกระบะแบรนด์อเมริกันและยุโรปที่ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าชาวไทยมากที่สุด และอยู่ในอันดับสี่ของตลาดรถกระบะประเทศไทย
มร. มาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวชื่นชมการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในครั้งนี้ว่า “ตัวเลขยอดจำหน่ายแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์แห่งความสำเร็จของจีเอ็ม ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราดึงเอาความโดดเด่นในการพัฒนายานยนต์ระดับโลกของเรา เพื่อสร้างรถคุณภาพเยี่ยมออกมาแข่งขันกับทุกตลาดหลักในประเทศ”
“ลูกค้าในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พึงพอใจต่อความน่าเชื่อถือ สมรรถนะ ความสนุก คุณค่า และความปลอดภัยที่อัดแน่นอยู่ในรถยนต์เชฟโรเลต ไม่ว่าจะเป็นรถคอมแพกต์ประหยัดน้ำมันสำหรับการใช้งานในเมือง หรือรถกระบะพันธุ์แกร่งที่ลุยงานหนักได้สบาย” มร.แอพเฟล กล่าว
ยอดขายครึ่งปีแรกของภูมิภาคอาเซียน อยู่ที่ 39,810 คัน เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอย่างน่าประทับใจที่ 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมามียอดขาย 6,955 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 86 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนของปีก่อน
เพื่อรองรับกับความต้องการรถเชฟโรเลต ที่เพิ่มขึ้น และการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย (จีเอ็ม) ได้ยกระดับสายการผลิตในจังหวัดระยอง ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งหุ่นยนต์ขึ้นรูปชิ้นส่วนตัวถัง ขึ้นรูปตัวถัง และปรับปรุงโรงพ่นสีใหม่ ตลอดจนพัฒนาโรงประกอบรถยนต์ ทำให้โรงงานขึ้นรูปชิ้นส่วนตัวถังสามารถผลิตชิ้นส่วนได้ 7 ชิ้นต่อหนึ่งนาที หรือ 2.3 ล้านชิ้นต่อปี
จีเอ็ม ยังได้ติดตั้งระบบจัดส่งชินส่วนแบบใหม่ด้วย ทำให้ศูนย์การผลิตรถยนต์จีเอ็ม เป็นหนึ่งในศูนย์ฯที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อผลิตรถยนต์หลากโมเดล หลายรุ่นย่อย ที่มีโครงสร้างและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแตกต่างกัน โดยปัจจุบัน ศูนย์การผลิตรถยนต์
จีเอ็ม ประเทศไทย จังหวัดระยองแห่งนี้ ทำการผลิตรถ 6 โมเดล เครื่องยนต์ 15 รุ่น และระบบขับเคลื่อน 46 รูปแบบ สำหรับทำตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก นั่นหมายความว่า สายการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะของจีเอ็ม สามารถผลิตรถที่มีความแตกต่างกันได้ถึง 1,394 รูปแบบ
และเพื่อเน้นย้ำระดับคุณภาพให้ทัดเทียมกับมาตรฐานอันเข้มงวดของจีเอ็ม จึงมีการติดตั้งเทคโนโลยีสแกนด้วยเลเซอร์ พร้อมกับดำเนินการตรวจสอบคุณภาพพิเศษตลอดทั้งกระบวนการ ด้วยการใช้เครื่องมือทดสอบระบบไฟฟ้าและการเคลื่อนที่อันล้ำสมัย เพื่อให้รถทุกคันมีมาตรฐานคุณภาพสูงสุดตามที่กำหนดไว้
ปัจจุบัน จีเอ็ม ดำเนินการผลิตสองรอบทำงานในสายการผลิตรถยนต์นั่ง และสามรอบทำงานในสายการผลิตรถกระบะ โดยมีจำนวนพนักงานรวมทั้งหมดมากกว่า 5,200 คน
สายการผลิตรถยนต์นั่งและรถกระบะของจีเอ็ม มีความยืดหยุ่นอย่างมาก รองรับกับการผลิตรถที่มีความแตกต่างกันตามโมเดล รุ่นย่อย และโครงสร้าง โดยปัจจุบัน ผลิตรถทั้งหมด 6 โมเดล เครื่องยนต์ 15 รุ่น และระบบขับเคลื่อน 47 รูปแบบ สำหรับตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก
ก่อนหน้านี้ จีเอ็ม เพิ่งเปิดสายการผลิตเสื้อสูบใหม่ที่ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์ดีเซล จีเอ็ม เพาเวอร์เทรน ด้วยเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติมกว่า 1,080 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการขยายศักยภาพการผลิตครั้งล่าสุดที่มีความสำคัญยิ่งของจีเอ็ม ในประเทศไทย โดยสายการผลิตใหม่นี้จะผลิตเสื้อสูบสำหรับเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบคุณภาพสูงอันเป็นหัวใจขับเคลื่อนของโคโลราโด และเทรลเบลเซอร์ โดยมีศักยภาพการผลิตเสื้อสูบ 440 เครื่องต่อวัน (สามรอบการทำงาน ตลอด 24 ชั่วโมง) การติดตั้งสายการผลิตเสื้อสูบใหม่ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย นอกจากจะทำให้จีเอ็ม สามารถควบคุมคุณภาพได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุน และเพิ่มชิ้นส่วนภายในประเทศอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการเปิดสายการผลิตล่วงหน้าก่อนกำหนดการที่วางไว้ถึงหนึ่งปีเต็ม
“การยกระดับสายการผลิตทั้งรถยนต์และเครื่องยนต์ของเรานั้น ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเพื่อการเติบโตทั้งในประเทศและภูมิภาคนี้ การปรับปรุงการผลิตทุกด้านจะทำให้เราแน่ใจว่า ลูกค้าเชฟโรเลต จะได้สัมผัสรถรุ่นใหม่อันน่าตื่นเต้นของเราอย่างโซนิค ซึ่งเพียบพร้อมด้วยมาตรฐานคุณภาพสูงสุดเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าของเรา” มร.แอพเฟล กล่าว
เชฟโรเลต ประกาศราคาจำหน่ายโซนิค รถซับคอมแพ็คต์ 4 ประตูรุ่นใหม่ไปแล้ว เริ่มต้นที่ 548,000 บาทสำหรับรุ่น LS ไปจนถึงรุ่นสูงสุด LTZ มีราคาอยู่ที่ 679,000 บาท ขณะที่รุ่นแฮทช์แบ็ค ราคาเริ่มต้นที่ 601,000 บาทในรุ่น LT ไปถึงรุ่นท็อป LTZ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 687,000 บาท ทั้งนี้ โซนิค ทุกรุ่นย่อยใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ รองรับเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอลล์ E20 ความจุ 1.4 ลิตร DOHC ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งเป็นครั้งแรกของรถระดับนี้ที่ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติทอร์กคอนเวอร์เตอร์ 6 สปีด
รุ่นสูงสุด LTZ มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/55 รวมถึงระบบเครื่องเสียงพรีเมียม ลำโพง 6 ตัว ออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ ระบบเบรกเอบีเอส และถุงลมนิรภัยด้านคนนั่ง (เพิ่มเติมจากถุงลมนิรภัยด้านคนขับเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน) สำหรับราคาจำหน่ายของโซนิค มีดังนี้
เชฟโรเลต โซนิค ราคาจำหน่าย
NB 1.4 MT LS 548,000
NB 1.4 AT LA 578,000
NB 1.4 MT LT 588,000
NB 1.4 AT LT 615,000
NB 1.4 AT LTZ 679,000
HB 1.4 MT LT 601,000
HB 1.4 AT LT 632,000
HB 1.4 AT LTZ 687,000
*NB =น็อทช์แบ็ค 4 ประตู (ซีดาน)
*HB =แฮทช์แบ็ค 5 ประตู
*MT =เกียร์ธรรมดา 5 สปีด
*AT =เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เชฟโรเลต เปิดให้ลูกค้าจับจองโซนิค ที่ศูนย์ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยกำหนดการส่งมอบโซนิค รุ่นซีดาน 4 ประตูจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่การส่งมอบรุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตูจะเริ่มในเดือนสิงหาคม ซึ่งทั้งราคาจำหน่ายและขนาดของเครื่องยนต์ ทำให้โซนิค เข้าตามหลักเกณฑ์โครงการรถคันแรกที่ได้รับสิทธิส่วนลดด้านภาษี