กรุงเทพฯ--23 ก.ค.--ปตท.
ราคาน้ำมันเฉลี่ยในสัปดาห์ 16-20 ก.ค. น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ระดับ 101.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 5.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 105.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 4.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 90.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้น 6.95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 117.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 4.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 119.38 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
ปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- ความกังวลในสถานการณ์ช่องแคบฮอร์มุซทวีความรุนแรงและอาจทำให้การส่งออกน้ำมันดิบผ่านช่องแคบฮอร์มุซต้องหยุดชะงัก หลังจากเรือรบสหรัฐฯใช้ปืนกลยิงเรือประมงของอินเดียเพราะเกรงว่าจะเป็นเรือระเบิดพลีชีพทำให้ชาวประมงอินเดียเสียชีวิต 1 ราย ล่าสุดเรือบรรทุกเครืองบินของสหรัฐฯ 2 ลำเข้าประจำการในพื้นที่และสหรัฐฯเพิ่มจำนวนเรือกวาดทุ่นระเบิดจาก 4 ลำ เป็น 8 ลำ ด้านผู้อำนวยการ Port and Marinetime Organization ของอิหร่านประกาศไม่รับผิดชอบใดๆกับเรือบรรทุกน้ำมันที่เข้ามาในน่านน้ำของตน
- การต่อสู้ระหว่างผู้ประท้วงและฝ่ายรัฐบาลที่กรุง Damuscus ประเทศซีเรีย ทวีความรุนแรงโดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลลอบวางระเบิดในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติทำให้บุคคลสำคัญของรัฐบาลเสียชีวิตระหว่างเข้าร่วมการประชุม อาทิเช่น รัฐมนตรีกลาโหมพลเอก อัสเซฟ ชอว์กัต และ พี่เขยของประธานาธิบดีอัสซาด
- EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบสำรองและน้ำมันเบนซิน ลดลง 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ทั้งนี้ปริมาณสำรองของ Gasoline ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์และอยู่ในระดับต่ำกว่าปริมาณสำรองเฉลี่ย 10 ปี
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- The International Monetary Fund (IMF) ปรับลดการคาดการณ์ของอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจโลก, จีนและอินเดีย ในปี 2556 อยู่ที่ 3.9% , 8.5%, 7.1% ตามลำดับ อีกทั้งระบุว่าความไม่มีเสถียรภาพทางการเงินของสหภาพยุโรปส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และอาจมีความเสี่ยงต่อปัญหาเงินฝืดที่เพิ่มขึ้นทำให้เศรษฐกิจโลกแย่กว่าระดับปัจจุบัน
- นาย Ben Bernanke ประธาน FED แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อวุฒิสภาสหรัฐฯบ่งชี้ถึงความพร้อมของธนาคารกลางสหรัฐฯในการใช้มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯทันทีที่จำเป็น รวมถึง Fed ได้เฝ้าระวังสถานการณ์ในยุโรปอย่างใกล้ชิดผ่านการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของ EU อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีนโยบายผ่อนปรนเชิงปริมาณหรือ QE3 ออกมา
- UAE ส่งมอบน้ำมันดิบเที่ยวแรกจากท่า Fujairah ผ่านท่อส่งน้ำมัน The Habshan - Fujairah ของบริษัท International Petroleum Investment Co (IPIC) ด้วยกำลังการขนส่งน้ำมันของท่อดังกล่าวที่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 60% ของการผลิตน้ำมันดิบในประเทศสู่ตลาดโดยตรงไม่ต้องผ่านช่องแคบ Hormuz ที่ปากอ่าวเปอร์เซีย
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงหลังจากนักทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากความวิตกกังวลในสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยจุดความสนใจยังอยู่ที่ประเทศสเปนหลังเมือง Valencia และ Catalonia ประกาศขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง และทำให้นักลงทุนคาดว่าสเปนซึ่งเป็นประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของยูโรโซนอาจต้องขอรับเงินช่วยเหลือในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนอพันธบัตรรัฐบาลสเปนระยะเวลา 10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 7.29% นอกจากนี้ นาย Cristobal Montoro รัฐมนตรีสำนักงบประมาณของสเปนคาดว่า เศรษฐกิจสเปนในปี 2556 จะยังคงอยู่ในสภาวะถดถอย โดยจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) อยู่ที่ -0.5% (ลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ + 0.7%) ในขณะที่เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย นักลงทุนยังคงผิดหวังหลังสำนักข่าว Xin Hua ของจีนรายงาน รัฐบาลกลางจีนไม่มีนโยบายลดความเข้มงวดในการควบคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสั่งให้รัฐบาลท้องถิ่นปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม Commodity Future Trading Commission (CFTC) ของสหรัฐฯ รายงานสถานะการลงทุนล่าสุด ในตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า NYMEX ที่นิวยอร์ก สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 ก.ค. 55 กลุ่มผู้จัดการกองทุนปรับเพิ่มสถานะการซื้อสุทธิ (Net Long Positions) ของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ขึ้น 1,658 สัญญา (W-O-W) อยู่ที่ 132,567 สัญญา ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีแนวรับแนวต้านอยู่ที่ $104-111/BBL และ $84-95/BBL ตามลำดับ