อวาย่าชูเทคโนโลยีเพิ่มระดับความปลอดภัยในการทำงานร่วมกันผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคล

กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--สปาร์ค คอมมิวนิเคชั่นส์ - Avaya Identity Engines 8.0 มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ช่วยให้พนักงานและบุคคลทั่วไป รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขา สามารถเข้าถึงเครือข่ายทั้งแบบต่อสายและไร้สายที่ถูกผนวกเป็นหนึ่งเดียวได้โดยไม่กระทบต่อระบบความปลอดภัยขององค์กร - อวาย่าตอบสนองความต้องการที่ท้าทายของกลยุทธ์การสื่อสารแบบ BYOD (Bring Your Own Device) ด้วยโซลูชั่นที่มีคุณสบัติครบครันสำหรับลูกค้า ซึ่งครอบคลุมหลากหลายการใช้งาน โครงสร้างพื้นฐาน และบริการระดับมืออาชีพ การพัฒนาต่อยอดในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Avaya Networking จะช่วยให้องค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์สามารถรักษาความปลอดภัยและควบคุมระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอีกขั้นเพื่อรองรับกลยุทธ์การสื่อสารแบบ BYOD (Bring Your Own Device) ทั้งนี้ Avaya Identity Engines 8.0 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ในงาน Interop Las Vegas ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเปิดให้พนักงานและบุคคลทั่วไปเข้าถึงเครือข่ายที่ปลอดภัยและอยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งแบบต่อสายและไร้สายผ่านอุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคล ได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น องค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์ต้องรู้ว่าใครจะเข้าถึงเครือข่ายของพวกเขา และรู้ว่าจะเข้าถึงด้วยวิธีการใด ไม่ว่าจะด้วยแล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน หรือ iPad โดย Avaya Identity Engines 8.0 มาพร้อมกับ 2 คุณสมบัติใหม่ที่ช่วยขจัดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคลบนเครือข่ายขององค์กร และช่วยให้องค์กรระดับเอ็นเทอร์ไพรซ์สามารถให้สิทธิ์สำหรับการเข้าถึงเครือข่ายแก่บุคคลและอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาได้อย่างปลอดภัยและมีความยืดหยุ่น - Ignition Access Portal มีพร้อมขีดความสามารถในการเข้าถึงเครือข่ายแบบเบ็ดเสร็จในหนึ่งเดียว สำหรับผู้ใช้ทั้งแบบต่อสายและไร้สาย เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้การบริหารงานในส่วนของ BYOD ด้วยระบบลงทะเบียนอัตโนมัติ (auto-registration) และระบบตรวจสอบลายนิ้วมือของอุปกรณ์ (device fingerprinting capabilities) ทำได้ง่ายขึ้น ทำให้พนักงานด้านไอทีมองเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทและคุณลักษณะของของอุปกรณ์สื่อสารบนเครือข่าย และช่วยให้พวกเขาดำเนินการต่อได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ Access Portal ดังกล่าว สามารถปรับแต่งและใช้งานทั่วทั้งเครือข่ายและข้ามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ตามความต้องการขององค์กร - Ignition CASE Client ช่วยให้สามารถตั้งค่าของอุปกรณ์สำหรับการเข้าถึงเครือข่ายที่ปลอดภัยได้โดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีใหม่นี้มีลักษณะเป็น dissolvable client ที่ช่วยให้แน่ใจว่าอุปกรณ์มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่กำหนดก่อนได้รับอนุญาตให้ใช้บนเครือข่าย และกำหนดค่าได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลใบรับรองความปลอยภัย (security certificates) หรือคีย์ที่ใช้ร่วมกันกับผู้ใช้ ระบบดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อพันธมิตรทางธุรกิจที่ใช้แล็ปท็อปในลักษณะ unmanaged laptops ที่จำเป็นต้องเข้าถึงเครือข่ายที่ปลอดภัย แต่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรเครือข่าย ตัวอย่างเช่น แล็ปท็อปสามารถตั้งค่าโดยอัตโนมัติในไม่กี่วินาที จากนั้น CASE client จะหายไปจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ ขีดความสามารถเหล่านี้พัฒนาต่อยอดมาจากคุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและการกำหนดนโยบายไอทีเดิมที่มีอยู่ใน Avaya Identity Engines เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถจัดการเอกลักษณ์และการเข้าถึงเครือข่ายของพนักงานและบุคคลทั่วไป รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ในองค์กร ได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น Avaya Identity Engines เป็นส่วนหนึ่งของ Avaya Mobile Collaboration for Enterprise ซึ่งเป็นโซลูชั่นครบครันสำหรับพนักงานที่ต้องออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นประจำ (mobile workforces) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อนักธุรกิจ พร้อมทางเลือกด้านสถานที่และวิธีการทำงานให้พวกเขาเลือกทำงานได้อย่างหลากหลาย โซลูชั่นนี้ทำให้แอพพลิเคชั่นและอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ทำงานร่วมกันได้อย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ และประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งยังนำเสนอช่องทางใหม่ๆ ในการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคลในที่ทำงาน โดยใช้แอพพลิเคชั่นด้านการทำงานร่วมกัน โครงสร้างพื้นฐานด้าน unified communications เทคโนโลยีเครือข่าย และบริการระดับมืออาชีพของอวาย่า การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของอวาย่าที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ The Power of We? สู่ลูกค้าอวาย่าทุกราย เพื่อช่วยขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันให้เร็วขึ้น การตัดสินใจที่ชาญฉลาดขึ้น และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น คำกล่าว "เนื่องจากมีการปรับลดงบสนับสนุนด้านการศึกษา จึงเป็นไปได้ยากที่จะจัดหาอุปกรณ์ให้นักเรียนได้ครบทุกคน เราจึงได้ผนวกกลยุทธ์การสื่อสารแบบ BYOD ที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ โดยอนุญาตให้นักเรียนใช้อุปกรณ์ของพวกเขาเองเพื่อเข้าถึงทรัพยากรทางการศึกษา การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเราและไม่สามารถมองข้ามได้ ขีดความสามารถของ Avaya Identity Engines ที่ช่วยให้มองเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์นักเรียนจะใช้ในการเข้าถึงเครือข่ายนั้นจะช่วยให้เราสามารถจำกัดระดับการเข้าถึงเครือข่ายได้ตามที่กำหนด เราจะสามารถรักษาระดับความปลอดภัยและการควบคุมเครือข่ายของเราได้ตลอดเวลา และนักเรียนเองก็สามารถเลือกใช้อุปกรณ์ที่พวกเขาต้องการขณะที่พวกเขาเรียน" —ไมเคิล ปาปุเล ผู้ประสานงานเครือข่ายคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม ประจำ Lester B. Pearson School Board "แพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขนำอุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคลมาใช้กันเองมากขึ้น นับตั้งแต่สมาร์ทโฟน ไปจนถึงแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊ค โดยใช้ในการทำงานและต่างต้องการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย ดังนั้น พวกเขาจำเป็นต้องได้รับความสะดวกในการเข้าใช้เครือข่ายและบูรณาการเข้ากับระบบงานภายในคลินิก ความท้าทายอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรให้มั่นใจได้ว่ามีการเชื่อมต่ออย่างปลอดภัยและไร้อุปสรรคเมื่อมีการให้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกันอย่างหลากหลาย Avaya Identity Engines ช่วยให้เราสามารถปรับระดับของการเข้าถึงเครือข่ายตามความต้องการของผู้ใช้และอุปกรณ์ ซึ่งจะลดความเสี่ยงของการละเมิดนโยบายด้านความปลอดภัยและประกันการรักษาความลับของข้อมูลผู้ป่วย แพทย์จะได้สิทธิ์ในการเข้าถึงเครือข่ายที่ไม่จำกัด เมื่อทำการเชื่อมต่อโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล และการเข้าถึงเครือข่ายที่จำกัดเมื่อทำการเชื่อมต่อโดยใช้ Apple iPad ของพวกเขาเอง" — มาร์ค สตาร์รี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี โรงพยาบาลคองคอร์ด "กระแส IT consumerization กำลังสร้างความปั่นป่วนให้บริษัททั่วโลก น่าเสียดายที่กลยุทธ์ BYOD ผูกโยงกับการจัดการอุปกรณ์ไร้สายได้ไม่ถูกต้องตรงกันนัก ซึ่งนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโซลูชั่น เมื่ออุปกรณ์ใดถูกใช้เชื่อมต่อแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคืออะไร? และจะจัดการความปลอดภัย การบริหารจัดการ ประสบการณ์ผู้ใช้ และขั้นตอนการทำงานในเครือข่ายได้อย่างไร? อวาย่าเป็นบริษัทที่ก้าวเข้ามาเพื่อนำเสนอระบบที่สนับสนุน BYOD แบบบูรณาการอย่างแท้จริง ซึ่งครอบคลุมการใช้งานอุปกรณ์ทุกประเภท" — ซีอุส เคอร์ราวาลา หัวหน้าทีมนักวิเคราะห์ ประจำ ZK Research ข้อมูลเพิ่มเติม: - เกี่ยวกับ Avaya Identity Engines - เกี่ยวกับ Avaya Mobile Collaboration for Enterprise

แท็ก mobile