กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.พิภพ อุดร (ผู้อำนวยการสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) จัดแถลงข่าวโครงการ Thailand Top 100 HR พร้อมจับมือหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เปิดการเสวนาเรื่อง “Thailand Human Vision 2020 : ทิศทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน 10 ปีข้างหน้า” โดยมี ศาสตราจารย์ ดร. สมคิด เลิศไพฑูรย์ (อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เป็นประธานกล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ (เลขาธิการอาเซียน) กล่าวเปิดงาน และปาฐกถานำเรื่อง ร่วมด้วย คุณสมประสงค์ บุญยะชัย (ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท อินทัช จำกัด (มหาชน)) , คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ (ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)) , ศาสตราจารย์ ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์ ( ประธานมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ) ขึ้นเสวนาเผยแผน Human Vision 2020 ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันก่อน
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง รองศาสตราจารย์ ดร.พิภพ อุดร ได้กล่าวว่า “ในโอกาสที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เปิดตัวโครงการรางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี 2555 หรือThailand Top 100 HR ครั้งที่ 3 ขึ้นนั้น จึงเห็นเป็นการดีที่จะจัดเสวนาเรื่อง “Thailand Human Vision 2020 : ทิศทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน 10 ปีข้างหน้า” ร่วมพร้อมกัน เพื่อเปิดวิสัยทัศน์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ไทยให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของโลก และ AEC ทั้งนี้เนื่องจากทางสถาบันฯ เล็งเห็นว่าการบริหารจัดการ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยกำลังเผชิญกับกระแสการเปลี่ยนแปลง และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น อันเนื่องจาก การรวมกลุ่มเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015 หรือ ปีพ.ศ.2558 ซึ่งนับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มในภูมิภาค และมีแนวโน้มสูงมากที่ประชาคมอาเซียนจะพัฒนาไปสู่การรวมกลุ่ม หรือประชาคมที่ใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นประชาคมเอเชียตะวันออกที่รวมจีน , ญี่ปุ่น และ เกาหลี เข้าเป็นสมาชิกประชาคมด้วย รวมถึงในขอบเขตที่ใหญ่กว่านั้น ด้วยการรวมเข้ากับออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังมีความพยายามของประเทศสหรัฐอเมริกา รัสเซีย หรือแม้แต่สหภาพยุโรปเองที่แสดงท่าทีอย่างชัดเจนต่อการมีส่วนร่วมนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในทุกประเทศต่างก็มีการพัฒนาบุคลากรของตนเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมต่างๆนี้ ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่ต้องดำเนินการให้ประเทศไทย สามารถดำรงความได้เปรียบเชิงแข่งขัน และได้ประโยชน์บนเวทีการแข่งขันที่ขยายขอบเขตตลอดเวลา โดยทางสถาบันฯ เองคาดหวังว่าการจัดงานครั้งนี้จะทำให้ทรัพยากรมนุษย์ใน 10 ปีข้างหน้าเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง ในการนำพาประเทศไทยก้าวเดินไปในเวทีแห่งการแข่งขันได้อย่างมั่นคง และมีส่วนช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ให้ บุคลากรด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์มีความรู้ความเข้าใจในทิศทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ถูกต้องชัดเจน พร้อมผลักดันให้การบริหาร จัดการ และการพัฒนาบุคลากรในภาคส่วนต่างๆ สามารถยกระดับสมรรถนะ ความสามารถอย่างเพียงพอเตรียมพร้อมสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างมียุทธศาสตร์จนบรรลุผลสำเร็จ”