กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส
ดราตรี สีขาว เกาะอกไม่มีสายปักลูกปัดและกระโปรงผ้าโปร่งเหมือนในเทพนิยาย นั้นมาจากคอลเลคชั่นของ โมนิค ฮูลิเย่ ดีไซน์เนอร์จากเบเวอรี่ ฮิลล์ ผู้ซึ่งมีความชำนาญทางด้านชุดราตรีและชุดแต่งงาน งานของเธอนั้นเรียบง่ายแต่ดูดี วินเกทยกความดีให้กับซูซาน ดัฟฟ์ แม่ของฮิลลารี่ผู้ที่เป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ในความช่วยเหลือทางด้านการเลือกรูปภาพที่ทางดีไซน์เนอร์ได้รวบรวมมาให้ “พวกเราเห็นพ้องกันแล้วว่า มันต้องเต็มไปด้วยความน่าดูน่าตื่นเต้น” วินเกทกล่าว “เมื่อซูซานได้เห็นรูปชุดราตรีของโมนิคเธอกล่าวว่านี่ล่ะใช่ชุดนั้นเลย — และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย มันยอดเยี่ยมที่จะเป็นชุดของเจ้าหญิง”
วินเกท เติมเต็มเครื่องแต่งกายโดยหน้ากากสีขาวแวววาวบังครึ่งหน้าปิดบังความเป็นตัวตนจริงของแซมจากออสติน พี่น้องต่างมารดาและเพื่อนร่วมชั้นของเธอ และงานที่ยอดเยี่ยมที่จะแต่งตัวเด็ก ๆ มัธยมในชุดราตรีที่แตกต่างกันในงานเลี้ยงนี้
หลังจากใช้เวลาหลายสัปดาห์ของการเตรียมงาน ช้อปปิ้ง ลองชุด เปลี่ยนชุดและลองใหม่ดีไซน์เนอร์ยินดีที่จะตัดให้หลวมสำหรับนักแสดงตลกอย่าง เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์ ในระหว่างที่ทำการเตรียมชุดราตรีที่ไม่เหมือนใครให้เหมาะกับบุคคลิคของเธอ ฟิโอน่า แม่เลี้ยงผู้เปลี่ยนแปลงรูปร่าง “ไม่ใช่แค่ว่าเธอจะร่าเริงเท่านั้น” ดีไซน์เนอร์ยืนยัน “เธอไม่มีความกลัวเลยจริง ๆ เธอลองทุกอย่าง ฉันทำให้เธอไปไกลจนคนจะไม่คิดว่าดึงพวกเรากลับมาได้และพวกเราสนุกสนานกันมากที่เราได้ จำลองลักษณะของเธอและเธอทำได้เต็มร้อยเปอร์เซนต์จริง ๆ”
หลังจากฟิโอน่าผ่านการดูดไขมันอย่างจริงจัง เธอก็ทุ่มทุนกับเสื้อผ้าใหม่ ๆ ซึ่งวินเกทพูดหยอกว่า “เป็นบทพิสูจน์ภาษิตเก่า ๆ ว่าถึงคุณจะมีสตางค์แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีรสนิยมที่ดี เมื่อเธอผ่านการเปลี่ยนแปลง” วินเกตกล่าว “เธอก็ดูวูบวาบฉูดฉาดบาดตา ฉันไม่เคยทำเป็นไร้รสนิยมได้ดีอย่างนี้มาก่อน มันแย่มากแต่ว่ามันดูดี”
ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง A Cinderella Story
ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ผู้ซึ่งมีความสามารถพิเศษหลายด้านได้ให้แรงบันดาลใจกับบทของแซม/ซินเดอเรลล่าจากเพลงสามเพลงที่จะได้ยินในภาพยนตร์เรื่อง A Cinderella Story ซึ่งในสองเพลงเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่: “Crash World” และนำเอาเพลงของ The Go Go ที่เฟื่องฟูในช่วงปี 1980 คือเพลง Our Lips are Sealed มาร้องใหม่ กับน้องสาวของเธอ เฮย์ลี่ ดัฟฟ์ เธอยังได้ใช้เพลงยอดนิยมของเธอคือเพลง “Anywhere but Here” จากอัลบั้ม Metamorphosis ซึ่งเป็นอัลบั้มเดี่ยวที่ได้สามรางวัลแพลทตินั่มในปี 2003 ใส่ในภาพยนตร์อีกด้วย
เพลง “Falling For You” จากวง Busted ซึ่งเป็นวงดนตรี ป๊อป/พั๊งค์จากอังกฤษซึ่งเป็นช่วงเวลาย่ำแย่ของแซมในร้านขายชุดราตรีซึ่งเป็นที่ที่เธอฟูมฟายผ่านชุดราตรีชุดแล้วชุดเล่าเพื่อที่จะหาชุดที่เหมาะที่สุดสำหรับงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ของเธอและเพลงโซลของ เอ็ดวิน แม๊คเคน ชื่อ “I’ll Be” ดูเหมือนว่าจะสะท้อนถึงความคิดในจิตใจของแซมและออสตินในช่วงเวลาที่ทั้งสองหลบจากความวุ่นวายในงานเลี้ยงคืนสู่เหย้าวันฮัลโลวีนและเต้นรำกันภายใต้แสงจันทร์
เพลงซาวน์ดแทรคประกอบภาพยนตร์ของ ฮอลลิวู้ด เรคคอร์ด จะจำหน่ายในวันที่ 13
กรกฎาคม ซึ่งเป็นการรวบรวมเพลงที่ได้รับการคัดสรร โดย ดูแลการทำดนตรีโดย เดบร้า บาอัม และยังรวมไปถึงเพลงเพิ่มเติมอีกสองเพลงจากฮิลลารี่ ดัฟฟ์และเพลงใหม่จากเจสส์ แม๊คคารท์นี่ โจช เคลลี่ และเคธลินท์ และเพลงจาก เอ็มเอ็กซ์พีเอ็กซ์ วีธ ไมอา เดอะ กู กู ดอลล์ และนาตาลี โคล
นักแสดง
พร้อมกับสามอัลบั้มเดี่ยวแพลทีนั่ม และภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายถึงสองเรื่องและซีรีส์ทางโทรทัศน์ยอดฮิตอีกหนึ่งเรื่อง ทำให้ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ (แซม/ซินเดอแรลล่า) เป็นหนึ่งในดาราของฮอลลิวู้ดที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
นักแสดงสาวผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ได้รับการยอมรับทางทั่วโลกว่าเป็นดาราที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลเอมมี่จากซีรีส์ของฮิตของทาง ดิสนีย์ ชาเนลเรื่อง Lizzie McGuire ซึ่งในเรื่องนี้เธอแสดงเป็น สาวน้อยซึ่งเป็นผู้นำท่ามกลางความวุ่นวายยุ่งเหยิงของหลายกลุ่มหลายเหล่าของนักเรียนทั้งหลาย ความเป็นคนทันสมัย มีวิธีพูดกระตุ้นจูงใจ ความก๋ากั่นและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงทำให้เธอได้รับเสียงวิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่อง Lizzie McGuire ได้เริ่มเปิดตัวในเดือน มกราคม 2001และยังฉายให้ชมจนถึงปัจจุบันทุกวันในเวลา 7.30 น. ทางช่อง ดิสนีย์ ชาแนล และทุกวันเสาร์ในเวลา 10.00 น. ทาง เอบีซี เทเลวิชั่น เนทเวอร์ค
ในเดือนพฤษภาคม 2003 ดัฟฟ์ ได้นำบทบาทการแสดงของเธอจากเรื่องฮิตของวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส คือเรื่อง The Lizzie McGuire Movie มาสู่จอเงิน นอกจากนี้เธอยังได้ร่วมแสดงกับ แฟรงคกี้ มูนิซ ในเดือน มีนาคม 2003 ในภาพยนตร์ของ เอ็ม จี เอ็ม เรื่อง Agent Cody Banks ดาราสาวที่เป็นที่ต้องการผู้นี้ยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ยอดนิยมของบริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ๊อกซ์ เรื่อง Cheaper By the Dozen ร่วมกับ สตีฟ มาร์ตินและ บอนนี่ ฮันท์ ออกฉากในวันที่ 25 เดือน ธันวาคมและเมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งเสร็จจากงานภาพยนตร์ของ นิว ไลนส์เรื่อง Heart of Summer โดยร่วมแสดงกับ ริต้า วิลสัน เจสัน ริตตเตอร์ และ โอลิเวอร์ เจมส์
ในปี 2002 ดัฟฟ์ได้แสดงในภาพยนตร์โทรทัศน์ของ บล๊อคบัสเตอร์ เรื่อง Cadet Kelly ซึ่งได้อันดับเป็นภาพยนตร์ดั้งเดิมทางดิสนีย์ ชาแนลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตั้งแต่เคยฉายมา ซึ่งเป็นอันดับยอดนิยมทางด้านการออกอากาศและทางเคเบิ้ลทีวีในอาทิตย์แรกที่ออกฉายและเป็นภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันในปี 2002
ดัฟฟ์ ดาราสาวผู้มีพรสวรรค์หลายทางได้ก้าวข้ามในวงการอื่น ๆ อีกด้วยคือเธอเริ่มการร้องเพลงจากเพลงชื่อ I Can’t Wait เพลงซาวน์ดแทร็กซ์จากภาพยนตร์เรื่อง Lizzie McGuire จากวอล์ซ ดิสนีย์ เรคคอร์ด ซึ่งเป็นเพลงที่พุ่งเข้าสู่ชาร์ททางวิทยุของดิสนีย์และอัลบั้มของเธอได้รับการยอมรับว่าเป็นอัลบั้มที่ได้รับแผ่นเสียงทองคำจาก อาร์ ไอ เอ เอ เมื่อ ธันวาคม ปีที่แล้ว หลังจากความสำเร็จนี้เธอยังได้ออกผลงานเพลงคริสต์มาสของเธอออกมา คืออัลบั้ม Santa Claus Lane จากวอลท์ ดิสนีย์ เรคอร์ด นอกจากนี้ดัฟฟ์ยังได้ร้องเพลง The Tiki Tiki Room ในอัลบั้ม ดิสนีย์ แมนเนีย ซาวน์ดแทร็คจากภาพยนตร์เรื่อง The Lizzie McGuire Movie ซึ่งเธอร่วมร้องถึงสองเพลงยอดนิยมคือเพลง Why Not ซึ่งขึ้นติดอันดับหนึ่งซาวน์แทร็คชาร์ตและได้รางวัลแผ่นเสียงแพลทตินั่มในเดือน มิถุนายน 2003 ในเดือนสิงหาคม 2003 เธอได้ออกอัมบั้มเดี่ยวแพลทตินั่มอันดับที่ 3 ชื่อ Metamorphosis ซึ่งได้ขึ้นถึงอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดภายในสองสัปดาห์ที่ออกวางตลาด และในตอนนี้เธอกำลังทัวร์คอนเสริต์ทั่วประเทศอยู่
ความเป็นที่นิยมของดัฟฟ์นั่นได้รับการยืนยันจากที่เธอได้รับเสนอชื่อเป็นดาราสาวที่ได้รับความนิยมทางโทรทัศน์จากครั้งที่สิบห้าซึ่งเป็นรางวัลเด็กประจำปี นิเคลโลเดี่ยน อวอร์ด และเธอได้รับรางวัลจากเรื่อง Lizzie McGuire ซึ่งได้รับคะแนนเสียงให้เป็นภาพยนตร์ยอดนิยมซีรีส์ทางโทรทัศน์ทั้งสองปีคือปี 2002 และปี 2003 เธอยังได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นดาราหญิง Choice Breakout Female Move Star จากภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง The Lizzie McGuire Movie ในงานประกาศรางวัล 2003 Teen Choice Award จากบริษัท ฟ๊อกซ์และเมื่อไม่นานมานี้เองได้รับเกียรติให้ได้รับ รางวัล Rising Star Award จาก บริษัท บิก บราเดอร์ส บิก ซิสเตอร์ส
ดัฟฟ์เริ่มเข้าวงการครั้งแรกเมื่ออายุได้ 6 ขวบกับ คณะบัลเล่ย์เมท โคลัมบัสและบริษัทที่ออกทัวร์ของ The Nutcracker การแสดงของเธอในโฆษณาทางโทรทัศน์กระตุ้นความปรารถนาในการแสดงและต่อมาไม่นานเธอก็ได้รวบรวมผลงานการแสดงทางโทรทัศน์และภาพยนตร์อีกมากมาย
ทางโทรทัศน์นั้น เธอได้ร่วมแสดงในมินิซีรีส์เรื่อง True Women ร่วมกับ ดาน่า เดลานีย์และร่วมแสดงกับลาเชล เลห์ คุ๊ก ในภาพยนตร์เรื่อง Soul Collector ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลดารารุ่นเยาว์จากบทสนับสนุนยอดเยี่ยม และเป็นดารารับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง Chicago Hope เธอยังได้เคยร่วมแสดงละครเวทีจากเรื่อง Playing by Heart กับ ชอนน์ คอนเนอรี่ เดนนิส เควดและนีน่า โรวแลนด์ส และรับบทเป็นเวนดี้เพื่อนรักของผีใจดีจากภาพยนตร์วิดีโอที่ได้รับความนิยมเรื่อง Casper Meets Wendy และในภาพยนตร์เทศกาลหนังเมือง คานน์ส เรื่อง Human Nature โดยร่วมแสดงกับ ทิม รอบบิ้นส์
เธอเกิดวันที่ 28 กันยายน ปี 1987 ดัฟฟ์ได้แบ่งเวลาให้กับบ้านสองหลังของเธอในฮูสตั้นและในลอสแอนเจลีส โดยอยู่กับพ่อแม่ของเธอ น้องสาวและสุนัขสองตัว ดัฟฟ์ได้เป็นที่ปรึกษาของกองทุน ออเดรย์ แฮปเบิร์น ซึ่งเป็นกองทุนสำหรับเด็กและได้ร่วมทำงานช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสจากทั่วโลก
ด้วยความน่าทึ่งของผลงานที่เธอทำทั้งด้าน โทรทัศน์ ภาพยนตร์และละครเวที ทำให้ เจนนิเฟอร์ คูลลิดจ์ (ฟิโอน่า) ได้รับการยอมรับจากวงการฮอลลิวู้ดอย่างรวดเร็วว่าเป็นดาราที่มีความสามารถรอบตัวและมีพรสวรรค์หลายด้าน เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วเธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดนิยมแห่งปีของบริษัท เอ็มจีเอ็ม เรื่อง Legally Blonde II: Red, White and Blonde โดยเธอร่วมแสดงกับ รีส วิธเธอร์สปูน โดยเธอรับบทเป็น พอลเลท ช่างแต่งเล็บผู้ไร้เดียงสา ด้วยความไม่มุ่งหวังและความสนุกสนานทางด้านของความบึกบึน และกลับมารับบทแม่ของสติฟเลอร์ในภาพยนตร์เรื่อง American Wedding ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของบริษัท ยูนิเวอร์แซล ซึ่งเป็นหนังตลกทะลึ่งของวัยรุ่น และตอนนี้ คูลลิดจ์กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Lemony Snicket’s A Series of Unfortunate Events ซึ่งกำกับการแสดงโดย แบรด ไซเบอร์ลิ่งและ แสดงโดย จิม แคร์รีย์ เมอรีล สรีฟ และ จูด ลอว์ เธอยังได้เซ็นสัญญากับ เอ็น บี ซี เพื่อพัฒนาและแสดงในภาพยนตร์คอมเมดี้ครึ่งชั่วโมงของเธอเอง
คูลลิดจ์ เป็นที่รู้จักดีในการแสดงของเธอ ใน รายการยอดนิยมของคริสโตเฟอร์ เกสต์และ ยูจีน เลวีย์คือรายการ Best In Show ในบทบาทที่ยากจะลืมของหญิงผู้มีความรักต่อสามีวัย 95 ปีของเธอโดยยึดถือเอาถั่วและซุปเป็นหลัก ในปี 2001 คูลลิดจ์ร่วมแสดงในละครคอมเมดี้ของบรอดเวย์ให้กับ แคร์ บูธ ลูซ เรื่อง The Women และได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัล ดราม่า เดสค์ อวอร์ด สำหรับดาราละครเวทีหญิงยอดเยี่ยม ผู้ร่วมแสดงอาทิ คริสเตน จอห์นสัน รู แม๊คคลานาแฮน ซินเธีย นิคสัน และ แมรี่ หลุยส์ วิลสัน คูลลิดจ์ เริ่มเข้าวงการจากการร่วมแสดงให้กับโรงละครที่มีชื่อเสียงคือ กราวน์ดิงส์ เธียร์เตอร์ และได้รับปริญญาตรีจาก อิเมอร์สัน คอลเลจ เธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Trial and Error เรื่อง Restaurant และเรื่อง A Night at the Roxbury
เมื่อไม่นานมานี้เธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์คอมเมดี้ยอดนิยมของ บราวน์ รีควิเอม เรื่อง Austin Power: the Spy Who Shagged Me เรื่อง Broken Hearts Club เรื่อง Down to Earth และเรื่อง Pootie Tang คูลลิดจ์ยังได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง King of the Hill และเป็นดารารับเชิญจากเรื่อง Seinfeld เป็นเพื่อนหญิงจอมซ่า เธอยังได้ร่วมแสดงซีรีส์และโชว์ทางโทรทัศน์คือ Ladies Man รายการ Strip Mall รายการ Blind Men รายการ Another Shot รายการ She-TV และรายการ Roseanne’s Sketch Comedy Show นอกจากนี้เธอยังได้ร่วมเป็นดารารับเชิญให้กับซีรีส์ เรื่อง Sex and the City เรื่อง Friends เรื่อง Sketch Pad และเรื่อง Rude Awakenings
คูลลิดจ์ อาศัยอยู่ในเมือง ลอสแอนเจลิส
ดาราหนุ่มที่ผลงานได้รับการกล่าวขวัญและวิพากวิจารณ์อย่าง แชด ไมเคิล เมอร์เรย์ (ออสติน อเมส) นั้นมาจากความสามารถของเขาเอง เมอร์เรย์รับบทนำจากภาพยนตร์ ดราม่า ยอดนิยมของบริษัท วอร์เนอร์ บราเดอร์สเรื่อง One Tree Hill โดยแสดงเป็น ลูคัส สก๊อตต์ ผู้มีสติปัญญาไม่ค่อยจะดีและความสามารถทางบาสเกตบอลของเขาทำให้แฟนสาวสวยของลูกพี่ลูกน้องของเขาสนใจ
ผลงานทางโทรทัศน์ของเมอร์เรย์เมื่อไม่นานมานี้รวมถึงบทบาทที่ต้องแสดงร่วมกับ เคธี่ โฮล์มส และ มิเชล วิลเลี่ยมส์จากเรื่อง Dawson’s Creek และเพื่อนร่วมชั้นที่มั่นใจมากเกินไปของ โรรี่ จากเรื่อง Gilmore Girls ผลงานสร้างชื่อทางโทรทัศน์ของเขาอาทิเรื่อง Aftermath ซึ่งแสดงร่วมกับ เมอร์ริดิธ แบคซ์เตอร์ เบอร์นี่ย์ และ โรเบิร์ต อูลริช และบทนำให้กับภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เรื่อง The Lone Ranger
เขายังจะได้รับบทนำในภาพยนตร์ของ โจเอล ซิลเวอร์ เรื่อง House of Wax โดยแสดงคู่กับ เอลิช่า คัธเบิร์ต ซึ่งกำลังถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ที่ได้รับกระแสตอบรับเรื่อง Freaky Friday โดยร่วมแสดงกับ เจมี่ ลี เคอร์ติสและ ลินเซย์ โลฮัน
เมอร์เรย์เกิดและโตที่ บัฟฟาโลว์ นิวยอร์ค ซึ่งเขาได้ทุนเรียนวิทยาลัย ปัจจุบันเขาอยู่ที่ ลอสแอนเจลิส เขาเป็นต้นแบบของการต่อต้านยาเสพติดของวัยรุ่นและยังทำการกุศลให้กับเด็กและวัยรุ่นอีกด้วย
ต้องขอบคุณบทบาทที่ได้รับจากภาพยนตร์สำคัญหลายเรื่อง ที่ทำให้ ความสามารถของเรจิน่า คิงส์ โดดเด่นและไม่โดนมองข้ามจากฮอลลิวู้ด นักแสดงหญิงผู้เปี่ยมความสามารถผู้นี้จะได้เห็นเธอในภาพยนตร์เรื่อง Unchain My Heart: The Ray Charles Story (เปิดกล้อง 29 ตุลาคม) ซึ่งเธอจะร่วมแสดงกับ เจมี่ ฟ๊อกซ์ ในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น มาร์จี้ เฮนดริคส์ ซึ่งเป็นภรรยาลับแสนร้ายของชาร์ลี นอกจากนี้คิงยังกำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Miss Congeniality 2 ร่วมแสดงกับ แซนดร้า บูลล๊อค ซึ่งบูลล๊อคกลับมารับบทเจ้าหน้าที่พิเศษ เอฟ บี ไอ สาว เกรซี่ ฮาร์ท และคิงรับบทเป็น ซาแมนต้าเพื่อนเจ้าหน้าที่เอฟ บี ไอซึ่งทั้งคู่ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกต้องร่วมงานกันและต้องเป็นคู่หูทำงานด้วยกันทำคดีในลาสเวกัส
เมื่อไม่นานมานี้คิงยังได้ร่วมแสดงกับ รีส วิธเธอร์สปูนจากภาพยนตร์เรื่อง Legally Blond 2: Red, White and Blonde ซึ่งเป็นงานสืบเนื่องมาจากภาพยนตร์ยอดนิยมในปี 2000 เรื่อง Legally Blonde เมื่อปีที่แล้วเธอยังได้เพิ่มเติมผลงานภาพยนตร์เรื่อง Daddy Day Care เข้าในผลงานที่เธอได้รับความนิยมอีกด้วยโดยแสดงคู่กับ เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์
เธอเกิดและโตที่ ลอสแอนเจลิส เธอเริ่มผลงานทางการแสดงจากภาพยนตร์โทรทัศน์ในซิทคอมยอดนิยม 227 และหลังจากนั้นอีกห้าปี คิงก็ได้เริ่มผลงานทางจอเงินให้กับงานของ จอห์น ซิงเกิ้ลตั้น ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่จากเรื่อง Boyz N the Hood และอีกไม่นานนี้เธอก็จะร่วมงานกับซิงเกิ้ลตั้นอีกครั้งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Poetic Justice และเรื่อง Higher Learning คิงแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในพลังที่อยู่ในตัวของเธอเปลี่ยนไปมาจากการแสดงเรื่อง ดราม่าไปเป็นการแสดงคอมเมดี้อย่างเช่นภาพยนตร์ยอดนิยมเรื่อง Friday ที่ร่วมแสดงกับ ไอซ์ คิวบ์และเรื่อง A Thin Line Between Love and Hate ซึ่งแสดงร่วมกับ มาร์ติน ลอว์เรนซ์
ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอาชีพการแสดงของเธอ มันเกิดขึ้นในปี 1997 กับบทบาทที่เธอแสดงเป็น ภรรยาของ คิวบา กู้ดดิ้ง จูเนียร์ที่ชื่อ เมอร์ซี่ในภาพยนตร์ของบล๊อคบัสเตอร์เรื่อง Jerry Maguire และนี่เองทำให้โอกาสในการได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง How Stella Got Her Groove Back ซึ่งเธอแสดงร่วมกับ แอนเจล่า บาสเซ็ท และภาพยนตร์แอ๊คชั่นสยองขวัญเรื่อง Enemy of the State ซึ่งเธอแสดงร่วมกับ วิลล์ สมิธ เรื่องการผจญภัยแบบครอบครัวเรื่อง Mighty Joe Young ร่วมกับ ชาร์ไลซ์ เธอร์ร่อน และภาพยนตร์คอมเมดี้เรื่อง Down to Earth ร่วมกับ คริส ร๊อค
คิงได้ร่วมเล่นภาพยนตร์ทางจอเงินอีกครั้งในปี 2000 ด้วยบทบาททาง ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ของช่อง เอช บี โอ เรื่อง If These Walls Could Talk 2 และในปี 2002 ให้กับภาพยนตร์คอมเมดี้ทางช่องเอ็นบีซีเรื่อง Leap of Faith
ปัจจุบันเธออยู่ที่ ลอสแอนเจลิสกับเอียนซึ่งเป็นสามีและลูกชายอายุ 8 ขวบชื่อ เอียน จูเนียร์
ทีมงาน
ชีวิตในการทำงานมากว่า 20 ปี ของ มาร์ค รอสแมน(ผู้กำกับการแสดง) ในวงการบันเทิงรวมไปถึงงานภาพยนตร์ทางจอเงินและทางจอแก้ว โดยภาพยนตร์ทางโทรทัศน์และซีรีส์ โดยทำหน้าที่ เป็นทั้งผู้เขียนและผู้กำกับการแสดง เขาเริ่มต้นอาชีพทางวงการบันเทิงจากภาพยนตร์เกี่ยวกับศาสนาแนวสยองขวัญ เรื่อง The House on Sorority Row ซึ่งรอสแมนแต่งขึ้น กำกับการแสดงและอำนวยการสร้างเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลายเป็นภาพยนตร์อิสระที่ได้รับการยอมรับในปี 1983 และยังได้รับการเอ่ยถึงในภาพยนตร์คลาสสิคสยองขวัญเรื่อง Scream 2 อีกด้วย
รอสแมนเปลี่ยนแนวจากสืบสวนสอบสวนมาเป็นแนวแฟนตาซีในภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง The Blue Yonder ซึ่งร่วมแสดงโดย ปีเตอร์ โคโยต์และอาร์ท คาร์นี่ย์ เขาเขียนและกำกับการแสดงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่องนี้ให้กับ บริษัท เอบีซี/ดีสนีย์ ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลสองรางวัลคือ รางวัลเคเบิ้ลเอซสำหรับภาพยนตร์ทางเคเบิ้ลและรางวัลผู้เขียน กิลด์ อวอร์ด รอสแมนยังได้เขียนและ/หรือ กำกับการแสดงภายยนตร์อีกหลายเรื่อง และยังรวมไปถึงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์โดยมีดาราร่วมแสดงอาทิ คิม เดลารีย์ เจสัน เกดริค ชอน ยัง เบน ครอส และเดเนียล บอล์ดวิน เขาพัฒนาการเขียนและการกำกับการแสดงจากงานร่างจากงานสยองขวัญ งานนิยายวิทยาศาสตร์และงานคอมเมดี้จนถึงดราม่าเกี่ยวกับครอบครัวให้กับหลากหลายบริษัทซึ่งรวมไปถึง โคลัมเบีย พิคเจอร์ส เอชบีโอ วอล์ท ดิสนีย์ สตูดิโอส์ เอบีซี ทีบีเอสและ ยูเอสเอ
ผลงานสร้างชื่อของเขารวมไปถึงการเขียนและกำกับการแสดงคอมเมดี้ที่ได้รับความนิยมคือเรื่อง Life Size ซึ่งแสดงโดยนางแบบชื่อดังอย่าง ไทร่า แบงค์สและลินเซย์ โลฮันจากภาพยนตร์เรื่อง Freaky Friday เขายังได้กำกับการแสดงภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง Model Behavior ซึ่งแสดงโดย เคทธี่ ลี กิฟฟอร์ดและ จัสติน ทิมเบอร์เลคจากวงเอ็นซิงค์ เขายังได้เขียนเรื่อง แอ๊คชั่นสยองขวัญเรื่อง Dead in A Heartbeat ให้กับบริษัท ทีบีเอส แสดงโดย จัดจ์ เรนโฮล์ด เพนเนโลป แอนน์ มิลเลอร์และ ทิโมธี่ บัสฟิล์ด ผลงานซีรีส์ทางโทรทัศน์ของรอสแมนคือการกำกับการแสดงกว่า 15 ตอน ๆ ละครึ่งชั่วโมงให้กับซีรีส์ยอดนิยมเรื่อง Lizzie McGuire เรื่อง State of Grace และเรื่อง Even Stevens
ผลงานเรื่องต่อไปของรอสแมนคือการได้ทำงานร่วมกับ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์อีกครั้งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Perfect Man
(ยังมีต่อ)
--อินโฟเควสท์ (นท)--