กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปี 2555 จำนวน 16,958 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,083 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.2 จากช่วงเดียวกันปี 2554 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 2,182 ล้านบาท รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 893 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 1,466 ล้านบาท
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า "ในปีนี้สินเชื่อของธนาคารมีการเติบโตดี โดยมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ สินเชื่อระยะยาวจากการขยายการลงทุนของภาคเอกชน สินเชื่อระยะยาวจากการฟื้นฟูกิจการที่ประสบอุทกภัย และสินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตสินค้าตามฤดูการผลิตปกติและเพื่อชดเชยสินค้าที่เสียหาย ส่งผลให้สินเชื่อของธนาคารใน 6 เดือนแรกปี 2555 ขยายตัว 71,115 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.8 จากสิ้นปีก่อน หรือร้อยละ 13.1 จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2554 และเป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี และลูกค้าบุคคล"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินให้สินเชื่อของธนาคารจะเติบโตสูงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต ทำให้ธนาคารสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2555 อยู่ที่ร้อยละ 2.7 เท่ากับสิ้นปี 2554 และลดลงจากร้อยละ 3.0 ณ สิ้นปี 2553
ในขณะเดียวกัน ธนาคารมีการเตรียมความพร้อมด้านสภาพคล่อง โดยเน้นการระดมเงินฝากจากลูกค้ารายย่อย ทำให้ในครึ่งปีแรกธนาคารสามารถระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น 85,036 ล้านบาทหรือร้อยละ 5.4 จากสิ้นปี 2554 เงินฝากที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากความสัมพันธ์ที่ธนาคารมีมายาวนานกับลูกค้าทุกกลุ่ม ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพตลาด
ใน 6 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 27,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,182 ล้านบาทหรือร้อยละ 8.7 จากงวดเดียวกันปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสินเชื่อของธนาคารที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากร้อยละ 2.69 ใน 6 เดือนแรกปี 2554 เป็นร้อยละ 2.63 ใน 6 เดือนแรกปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลจากต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้นและจากการที่ธนาคารมีค่าใช้จ่ายเงินนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝากและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 15,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 893 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.0 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และกำไรจากการจำหน่ายสินทรัพย์ ในส่วนของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจำนวน 18,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,466 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.7 จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน
"ธนาคารคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงมีทิศทางที่ดี โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการขยายการลงทุนของภาครัฐในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และการขยายการลงทุนของภาคเอกชนทั้งในประเทศและไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยอาจจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของวิกฤตเศรษฐกิจโลก ดังนั้นธนาคารจึงมีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านสภาพคล่อง เงินกองทุน และเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญ รวมถึงการติดตามสถานการณ์และดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ธนาคารเชื่อว่าการดำเนินงานดังกล่าว จะทำให้ธนาคารสามารถให้บริการที่เหมาะสมและเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า ในขณะเดียวกันก็จะช่วยให้ธนาคารมีความพร้อมรับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต"