“คราฟท์” (Craft) แนะนำดีไซน์ชิ้นงานล่าสุดจากหลุยส์ โพลเซน (LOUIS POULSEN)

ข่าวทั่วไป Thursday July 26, 2012 09:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--แบรนด์เด็ด ดิ เอเจนซี่ “คราฟท์” (Craft) โดยชนินทร์ ลิฟวิ่ง คอนเซ็ปต์สโตร์ แห่งใหม่ใจกลางทองหล่อ ที่รวมผลงานเฟอร์นิเจอร์ของแท้สุดคลาสสิค และของแต่งบ้านชิ้นเก๋ จากดีไซน์เนอร์ชั้นนำของโลกมาไว้ที่นี่ ในราคาที่จับต้องได้ ล่าสุดได้นำผลงานดีไซน์จาก หลุยส์ โพลเซน (Louis Poulsen) แบรนด์ดัง จากประเทศเดนมาร์ก ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในการประดิษฐ์โคมไฟมายาวนานกว่า 70 ปี โดยผลงานหลายชิ้นแสดงออกถึง “งานศิลปะสุดคลาสสิก” ที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครในเรื่องของการควมคุม แสงสว่าง ทั้งนี้ หลุยส์ โพลเซน ยังเคยได้ร่วมงานกับนักออกแบบที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทำให้กลายเป็น หนึ่งในผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของวงการโคมไฟระดับโลก โพล เฮนนิงเซน (Poul Henningsen) นักออกแบบเชิง lighting solution ที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ และยังเป็นผู้ที่ได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถาปนิกและนักออกแบบมากมาย ได้สร้าง พีเอช ฟิกซ์เจอร์ ขึ้นในปี พ.ศ. 2469 (ค.ศ.1926) ซึ่งกลายเป็นชิ้นงานที่สร้างตำนาน และสร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติ ผลงานนี้เป็นดั่งไอคอนของความสมบูรณ์แบบและทันสมัย ซึ่งคุ้มค่ากับการใช้เวลาทุ่มเทในงานวิจัยทางด้านไฟ และโคมไฟกว่า 10 ปี โพล เฮนนิงเซน ไม่ได้มองว่าโคมไฟของเขาเป็นแค่งานออกแบบเท่านั้น เขาทำงาน ในการสร้างโคมบังแสงเพื่อควบคุมการส่องสว่างของแสงอย่างแม่นยำ ทั้งนี้ พีเอช ฟิกซ์เจอร์ ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องการพัฒนาหลอดไฟที่ปลอดแสงจ้า และให้แสงอ่อนๆทำให้บรรยากาศอบอุ่น แม้เวลาผ่านไปเกือบ 80 ปีหลังจากการสร้างสรรค์ พีเอช ฟิกซ์เจอร์ ชิ้นแรก มาถึงวันนี้เทคโนโลยีทางด้านไฟ และการออกแบบของโคมไฟนี้ก็ยังคงความสมบูรณ์แบบอยู่ พีเอช อาทิโช๊ค (PH Artichoke) พีเอช อาทิโช๊ค นับว่าเป็นผลงานคลาสสิคชิ้นเอก ที่ออกแบบโดยโพล เฮนนิงเซน มากว่า 40 ปีแล้ว โดยมีโครงสร้างเหล็กโค้ง 12 ชิ้น ทั้งยังมีส่วนของทองแดง ที่เป็น “ใบ” อยู่ 72 ชิ้นเรียงกันเป็นแถววงกลมโดยรอบ 12 แถว ประกอบกับแผ่นเหล็ก 6 แผ่นในแต่ละแถว โดยแต่ละแถวจะมีการจัดวางซ้อนกัน ทำให้ใบทองแดง ทั้ง 72 ใบสามารถคลุมหลอดไฟที่ติดอยู่ตรงกลางของ พีเอช อาทิโช๊ค ได้อย่างมิดชิดไม่ว่าจะมองจากมุมใด พีเอช อาทิโช๊ค ชิ้นต้นแบบสร้างขึ้นเพื่อตกแต่งในร้านอาหารที่โคเปนเฮเกน แลนจีลินี่ พาวิลเลี่ยน (Langelinie Pavilion) ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงแขวนอยู่ โคมไฟตั้งโต๊ะ พีเอช 2/1 (PH 2/1 Table Lamp) โคมไฟตั้งโต๊ะ PH 2/1 เป็นโคมไฟที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาตระกูลโคมไฟ PH ด้วยขนาดที่กะทัดรัด จึงสามารถจัดวางและเคลื่อนย้ายไปตามจุดต่างๆของห้องได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อต้องการความสว่างในจุดเล็กๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ หรือไฮไลต์มิติของห้อง โคมไฟตั้งโต๊ะ PH 2/1 เต็มไปด้วยรายละเอียดอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และเป็นแบบอย่างของความพิถีพิถันของ หลุยส์ โพลเซน หลอดไฟฮาโลเจนที่ใช้กับ PH 2/1 มีขนาดเล็กเป็นพิเศษ แต่ให้คุณภาพความสว่างเกินตัว นอกเหนือจากโทนสีของหลอดไฟที่ให้ความสว่างอย่างดีแล้ว ยังมีการเคลือบ ให้เกิดพื้นผิวที่ด้านในส่วนของโคมไฟ ทำให้แสงสว่างนุ่มนวลสบายตา ลูกเล่นของตัวบังคับแสง ถูกออกแบบตามกฎลอการิทึมแบบเกลียว โดยมีหลอดไฟอยู่จุดกึ่งกลางของโคม โคมไฟตั้งโต๊ะนี้ ยังสามารถช่วยปรับความสว่างในห้องให้ดูสบายตาได้ โคมแก้วทรงกลมรี ที่ใช้เนื้อแก้วชั้นดีและขึ้นรูปด้วยการเป่า คือจุดเด่นของชิ้นงาน PH ของ หลุยส์ โพลเซน โคมไฟตั้งโต๊ะ พีเอช 3/2 (PH 3/2 Table Lamp) โคมไฟตั้งโต๊ะ พีเอช 3/2 ได้รับการออกแบบโดย โพล เฮนนิงเซน ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) มักใช้ในการตกแต่งเพื่อความสวยงาม โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่โคมควบคุมแสง 3 ระดับ ซึ่งทำให้แสงสว่างส่องลงต่ำ โคมแก้วทรงกลมรี 3 ชั้น ที่มีความมันวาวบนผิวด้านบน และมีผิวหยาบใต้ฐาน ก่อให้เกิดการกระจายตัวของแสง อย่างนุ่มนวลและสมดุล พีเอช 50 (PH 50) PH 50 ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2551 (ค.ศ.2008) จัดว่าเป็นผลงานชิ้นพิเศษที่มีชื่อเสียง ถูกพัฒนามาจาก PH 5 ที่โด่งดังมากว่า 5 ทศวรรษ ด้วยความโดดเด่นในการออกแบบที่เข้ากันกับห้องได้ทุกขนาดและทุกสไตล์ PH 50 ออกสีใหม่มา 5 สีด้วยกันเพื่อเป็นทางเลือกในการตกแต่ง โดยคงการออกแบบของ โพล เฮนนิงเซน ไว้ หรือไอเดียอันยอดเยี่ยมในกระบวนการการให้แสง สำหรับสีใหม่ทั้ง 5 ได้แก่ สีแดงชิลลี่ (Chili Red), สีฟ้ามิ้นท์ (Mint Blue) , สีเขียววาซาบิ (Wasabi Green), สีขาวโคโคนัท (Coconut White) และสีดำมะกอก (Olive Black) PH 5 แบบคลาสสิกเป็นโคมที่มีพื้นผิวด้าน แต่ PH 50 รุ่นใหม่จะมีพื้นผิวที่มันวาว พร้อมกับสีสันใหม่ ทั้งนี้ PH 50 เปี่ยมไปด้วยคลาสสิคและทันสมัย รวมถึงยังเพิ่มชีวิตชีวาให้กับการตกแต่งห้องในหลากหลายสไตล์อีกด้วย โคมไฟตั้งโต๊ะ และ โคมไฟตั้งพื้น เอเจ (AJ Table Lamp and Floor Lamp) เอเจ เป็นผลงานออกแบบของ อาร์นี่ จาคอบเซ่น (Arne Jacobsen) ใน ปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ.1960) สำหรับโรงแรม SAS Royal Hotel ในเมืองโคเปนเฮเกน (Radisson Blu) และเป็นส่วนหนึ่งในแนวคิดการออกแบบของโรงแรม ผลงานหลากหลายชิ้นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการตกแต่งโรงแรมได้รับการยกย่องว่าเป็นไอคอนของงานออกแบบ และในวงการโคมไฟ โคมไฟ เอเจ (AJ Lamps) ถือเป็นผลงานที่โดดเด่นและโด่งดังไปทั่วโลก ตัวโคมไฟให้แสงส่องลงพื้น และมุมของโคมตัดแสงสามารถปรับทิศทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายแสงได้ โคมกระจายแสงมีด้านในเป็นสีขาว ซึ่งช่วยสะท้อนให้แสงที่ส่องออกมานุ่มสบายตา โคมไฟ เอเจ มีจัดจำหน่ายทั้งหมด 8 สี ด้วยกัน คือ สีฟ้าเขียว, สีพิโทรเลียม, สีแดง, สีทราย, สีเหลืองเขียว, สีดำ, สีเทากราไฟท์ และสีขาวเงา โคมไฟตั้งโต๊ะ และ โคมไฟตั้งพื้น แพนเทล่า (Panthella Table Lamp and Floor Lamp) สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ.1971) ออกแบบโดย เวอร์เนอร์ แพนตัน (Verner Panton) ดีไซน์เนอร์มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างดี หลักการออกแบบของงานชิ้นนี้ คือ การสร้างโคมไฟให้ตัวฐาน และตัวโคมส่องแสงสอดรับซึ่งกันและกัน หลอดไฟถูกซ่อนไว้ใต้โคมอะคริลิสีขาวนวลกลม ฐานทรงเหมือนทรัมเป็ต เอื้อให้แสงส่องสว่างอย่างสมดุลในรูปทรงที่สวยงาม แพนเทล่ามีรายละเอียดเฉพาะตัวในเรื่องต่างๆ ได้แก่ ลูกโครเมียมทรงกลมที่อยู่ด้านบนเอาไว้ใส่และถอดหลอดไฟ ฐานของโคมไฟสามารถใช้เก็บสายเคเบิลยาว 1.5 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่สวยงามและใช้ประโยชน์ได้จริง โคมไฟนี้ถูกผลิตออกมาในหลายรูปแบบ แต่ แพนเทล่า ในรูปแบบปัจจุบันนี้จะถูกผลิตแบบโคมและฐานที่เป็นสีขาวเพียงอย่างเดียว เวอร์เนอร์ ได้กล่าวไว้ว่า “จุดมุ่งหมายหลักของผลงานออกแบบของผมคือ การกระตุ้นให้คนใช้ได้ใช้จินตนาการของพวกเขา” พบกับผลงานโคมไฟที่หลากหลายของ หลุยส์ โพลเซน ณ ร้าน คราฟท์ โดย ชนินทร์ ลิฟวิ่ง คอนเซ็ปสโตร์แห่งใหม่ ณ โนเบิลโซโล ทองหล่อ ถนนสุขุมวิท 55 โทร 02.714.9040

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ