กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--บีโอไอ
กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลการเดินทางไปชักจูงการลงทุนใน 2 เมืองใหญ่ ณ กรุงเบอร์ลิน และกรุงปารีส โดยที่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าร่วมพบกับบริษัทชั้นนำของเยอรมนีและฝรั่งเศส เพื่อเชิญชวนมาลงทุนในไทย ซึ่งหลายรายสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยและในอาเซียน คาดว่าจะเกิดการลงทุนรวมกันไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาท
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 17 — 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะบริษัทชั้นนำของทั้ง 2 ประเทศ แสดงความสนใจจะเข้ามาลงทุนหรือขยายธุรกิจในประเทศไทย สังเกตจากการที่บริษัทชั้นนำได้สอบถามกระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอ ถึงนโยบาย และมาตรการส่งเสริมการลงทุนแบบเชิงลึก และหลายรายได้ระบุว่ามีแผนที่จะเข้ามาลงทุนอย่างจริงจังด้วย
ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐฝรั่งเศสในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ได้เข้าร่วมหารือกับนักธุรกิจชั้นนำของเยอรมนี และฝรั่งเศสด้วย โดยในวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ได้ร่วมพบปะหารือรายบริษัทกับบริษัทชั้นนำของเยอรมนี ซึ่งมีความสนใจเข้ามาลงทุนหรือขยายธุรกิจในประเทศไทยและอาเซียน โดยบริษัทซีเมนส์ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านอุตสาหกรรมระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ของเยอรมนี ได้แสดงความสนใจที่จะจัดหา ตู้รถและระบบขนส่งสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของไทยในอนาค เช่น ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน โครงการแอร์พอร์ตเรลลิงค์ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เป็นต้น และบริษัท ไบเออร์ ยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมเคมี ซึ่งเป็นบริษัทเยอรมันที่มีเงินลงทุนสูงสุดในประเทศไทยสนใจ มีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังได้ประชุมหารือกับนักลงทุนเยอรมนีประมาณ 50 ราย เพื่อชี้แจงชี้แจงนโยบายและโอกาสในการลงทุน รวมทั้งตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการลงทุนและการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ส่วนในวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยกระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอ ได้พบปะหารือรายบริษัท กับนักธุรกิจชั้นนำของฝรั่งเศสในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ บริษัทมิชลิน ผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำของโลก ซึ่งมีธุรกิจอย่างครบวงจรในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นฐานการผลิต สำนักงานปฎิบัติการภูมิภาคและศูนย์วิจัยพัฒนา บริษัทได้มีการหารือเรื่องการขยายการลงทุนในอนาคตกับนายกรัฐมนตรี ขณะที่บริษัท MPO ซึ่งได้ลงทุนผลิตซีดี และ ดีวีดี ในประเทศไทยอยู่แล้ว มีความสนใจที่จะขยายการลงทุนเพื่อสนับสนุนตลาดอุตสาหกรรมบันเทิงในเอเชียและขยายธุรกิจไปในสาขาพลังงานทดแทน
ส่วนการหารือกับบริษัทซาโนฟี่ ปาสเตอร์ ผู้ผลิตวัคซีนชั้นนำของโลกนั้น มีแผนจะผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่ระดับต้นน้ำร่วมกับบริษัท องค์การเภสัชกรรม - เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด (GPO-MBP) นอกจากนี้ ยังได้หารือกับบริษัท Perstorp ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำของโลกซึ่งสนใจที่จะลงทุนในเอเชียผ่านบริษัท Vencorex ร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่อผลิตสารตั้งต้นสำหรับโพลียูรีเทนซึ่งใช้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง เช่น เบาะรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ประเภทฉนวนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โครงการนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูงกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2546 — 2555: มิถุนายน 2555) มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนเยอรมัน จำนวน 250 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 82,700 ล้านบาท ขณะที่โครงการลงทุนจากฝรั่งเศสมีจำนวน 137 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท