กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--ปตท.
ราคาน้ำมันเฉลี่ยในสัปดาห์ 23-30 ก.ค. 55 น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ลดลง 0.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 104.56 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) ปรับตัวลดลง 0.79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 100.58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัสฯ (WTI) ลดลง 1.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 89.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินออคเทน 95 ลดลง 0.23 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 116.91 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และดีเซล ลดลง 0.34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 119.04 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- สเปนมีแนวโน้มต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเพิ่มเติม และธนาคารกลางสเปนรายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาสที่ 2/55 ยังอยู่ในแดนลบที่ -0.3 % เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 0.1%
- ต้นทุนการกู้ยืมของสเปนคงอยู่ในระดับสูง ล่าสุดสเปนขายพันธบัตรระยะสั้น (3 และ 6 เดือน) มูลค่า 3 พันล้านยูโร โดยผลตอบแทนพันธบัตรระยะเวลา 6 เดือนอยู่ที่ระดับ 3.691% เพิ่มจากเดือนก่อนที่ระดับ 3.237% และผลตอบแทนพันธบัตรระยะเวลา 10 ปี อยู่ที่ระดับ 7.6%
- นายกรัฐมนตรีกรีซ นาย Antonis Samaras คาดว่า GDP ของกรีซในปีนี้อยู่ที่ระดับติดลบ 7% และ และระบุว่ากรีซกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยขั้นรุนแรงเหมือนสหรัฐฯเมื่อ 80 ปีก่อน (Great Depression)
- Moody's ปรับลดมุมมองความน่าเชื่อถือระยะยาวของเยอรมนี, เนเธอร์แลนด์และ ลักเซมเบอร์ก มาเป็นเชิงลบ (Negative outlook)
- ธนาคารกลางของเกาหลีใต้รายงานอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2/55 อยู่ที่ระดับ 2.4% ต่ำสุดในรอบสามปี
- รัฐบาลจีนรายงานปริมาณความต้องการน้ำมันในเดือน มิ.ย. 55 ลดลง 1.9% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 9.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำที่สุดในรอบสามปีเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย. 55 ลดลง 12% จากเดือนก่อน มาอยู่ที่ระดับ 5.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- National Oil Company ของลิเบียรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมือง ทั้งนี้ปริมาณการผลิตในสมัยอดีตประธานาธิบดีกัดดาฟีอยู่ที่ 1.6 -1.7ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- ประธานธนาคารกลางของยุโรป (ECB) ออกมาให้ความเชื่อมั่นว่าสหภาพยุโรปจะสามารถผ่านวิกฤตหนี้สินไปได้ โดยยืนยันว่า ECB พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาค่าเงินยูโร ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่า ECB จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของยุโรปเมื่อปัญหาหนี้สินในภูมิภาคแย่ลง
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. 55 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 33,000 ราย อยู่ที่ระดับ 353,000 ราย
- ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุด 4 แห่งของรัฐบาลจีนเพิ่มปริมาณการปล่อยสินเชื่อสู่ระบบการเงิน โดยยอดสินเชื่อในครึ่งแรกของเดือน ก.ค. 55 เพิ่มขึ้นกว่า 50% เทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน หลังประธานาธิบดีจีนออกมาเรียกร้องให้ภาคเอกชนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบเดือน มิ.ย. 55 เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อน อยู่ที่ระดับ 3.39 ล้านบาร์เรลต่อวัน
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันระยะสั้นแข็งแกร่งขึ้นจากนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลัง GDP ของสหรัฐฯไตรมาสที่ 2/55 อยู่ที่ระดับ 1.5% และ ECB เตรียมแทรกแซงตลาดเงินเพื่อช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและอิตาลี อีกทั้งผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสยืนยันจะดำเนินการทุกวิธีทางเพื่อรักษาค่าเงินยูโรเช่นกัน สำหรับมุมมองต่อราคาน้ำมันในปีหน้า Reuters poll ระบุนักวิเคราะห์ประเมินระดับราคาน้ำมันมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้นเพราะปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการใช้มาตรการกระตุ้นของธนาคารกลางทั่วโลก อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจทั้งประเทศกลุ่ม OECD และ Non-OECD โดยเฉพาะจีนไม่แข็งแกร่งล่าสุดอัตราผลกำไรของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจีนเดือน มิ.ย. 55 ลดลงอยู่ที่ 1.7% ให้จับตาการประชุมของรัฐสภากรีซเพื่อลดงบประมาณให้เป็นไปตามเงื่อนไขของ Troika ในวันนี้ ทางด้านซูดานกับซูดานใต้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาข้อสรุปเรื่องค่าผ่านท่อน้ำมันดิบก่อนเส้นตายของสหประชาชาติ วันที่ 2 ส.ค. 55 และแรงกดดันของมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านซึ่งทำให้การส่งออกน้ำมันดิบลดลงจนรัฐสภาอิหร่านต้องลดงบประมาณรายจ่าย และสถานการณ์ในซีเรีย ประเทศพันธมิตรสำคัญที่สุดคืออิหร่านได้ประกาศจะไม่ทอดทิ้งซีเรีย และให้ความช่วยเหลือด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ซีเรียโดยผ่านประเทศอิรัก ทั้งนี้หากรัฐบาลซีเรียชุดปัจจุบันล่มสลายจะส่งผลกระทบต่อดุลอำนาจในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 102-110 USD/BBL และ 88-93 USD/BBL ตามลำดับ