กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
กลุ่มเอชเอสบีซี ประกาศผลกำไรก่อนหักภาษีงวดครึ่งแรกของปี 2555 คิดเป็นมูลค่า 12.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลกำไรครั้งนี้ได้รวมกำไรจากการขายธุรกิจ ซึ่งได้แก่ การขายธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจรายย่อย และการขายสาขาที่ไม่สร้างกำไรจำนวน 138 แห่งในสหรัฐอเมริกา มูลค่า 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐไปด้วยแล้ว
กลุ่มเอชเอสบีซี สามารถเติบโตรายได้ราวร้อยละ 4 โดยมาจากตลาดที่เติบโตเร็วอย่างฮ่องกง ประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย แปซิฟิก และละตินอเมริกา สำหรับกำไรก่อนหักภาษีในฮ่องกง และประเทศอื่นในเอเชีย แปซิฟิก มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของกำไรก่อนหักภาษีทั้งหมดทั่วโลกของเอชเอสบีซี ทั้งนี้ ผลกำไรก่อนหักภาษีของธุรกิจสินเชื่อธุรกิจและธุรกิจบริหารเงินและตลาดทุนของเอชเอสบีซี มีมูลค่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจพาณิชย์ธนกิจ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากภูมิภาคที่เติบโตเร็ว
นายสจ๊วต กัลลิเวอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเอชเอสบีซี กล่าวว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เอชเอสบีซี สามารถเติบโตรายได้และมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องในธุรกิจหลัก นั่นคือ การเติบโตรายได้อย่างแข็งแกร่งในฮ่องกง ประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย แปซิฟิก และละตินอเมริกา ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เกื้อหนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ ส่วนธุรกิจสินเชื่อธุรกิจและธุรกิจบริหารเงินและตลาดทุนมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่ตลาดเงินและสภาพเศรษฐกิจโลกโดยรวมผันผวนก็ตาม เรายังคงมุ่งมั่นจะใช้กลยุทธ์เพื่อควบคุมต้นทุนการดำเนินงานและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศทั้ง 4 ธุรกิจของเรา นั่นคือ ธุรกิจลูกค้ารายย่อยและบริหารความมั่งคั่ง ธุรกิจพาณิชย์ธนกิจ ธุรกิจสินเชื่อธุรกิจและธุรกิจบริหารเงินและตลาดทุน และธุรกิจบริหารการเงินส่วนบุคคล (Global Private Banking) ต่อไป”
อัตราส่วนการปล่อยสินเชื่อต่ออัตราส่วนเงินฝากของเอชเอสบีซี ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ร้อยละ 76.3 ขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ลดลงจากร้อยละ 12.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 10.5 เป็นผลมาจากการจ่ายภาษีที่สูงขึ้น สำหรับอัตราส่วนเงินทุนขั้นที่ 1 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.1 (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554) มาอยู่ที่ร้อยละ 11.3 ซึ่งเป็นผลมาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลงจากการขายธุรกิจ
สินทรัพย์รวมของกลุ่มเอชเอสบีซี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 คิดเป็นมูลค่า 2,652 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 96.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 4 (จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609, 0-2614-4606