กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--ไนท์แฟรงค์
ไนท์แฟรงค์บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติแถลงต่อผู้สื่อข่าวถึงมุมมองของทางบริษัทว่าเหลียง ชุนหยิง ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงยังไม่ได้กำหนดให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีนัยสำคัญใดในแนวทางการบริหารแม้ว่าผู้ว่าการคนนี้จะดูเหมือนสนับสนุนการปฏิรูปนโยบายซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำหรับนักธุรกิจรายใหญ่เดิมๆในฮ่องกง นโยบายเกี่ยวกับที่ดินและที่พักอาศัยซึ่งมีการเสนอออกมาแล้วรวมถึงการเพิ่มจำนวนที่ดินและบ้านพักตลอดจนการควบคุมวิธีการซื้อขายไม่ได้แตกต่างจากแนวทางของผู้บริหารชุดเดิมมากนัก ดังนั้นไนท์แฟรงค์จึงคาดว่าจะมีการปรับฐานราคาเพียงเล็กน้อยไม่ถึง 10% ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และไม่ถึง 15% ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ระดับแมสในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้
โธมัส แลม โฮ มาน หัวหน้าฝ่ายวิจัย ไนท์แฟรงค์จีนแผ่นดินใหญ่กล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่คุณเหลียง ชุนหยิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงคนใหม่ก็มีหลายท่านโดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่เป็นกังวลว่าหากยกเลิกนโยบายที่เปิดให้มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างอิสระที่มีมาแต่เดิมแล้วจะทำให้เกิดการปรับฐานราคาในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรงเหมือนเช่นเมื่อปี 2540 แต่เราเชื่อว่าโอกาสที่จะเกิดสถานการณ์ราคาอสังหาริมทรัพย์ซบเซานั้นมีอยู่ต่ำมาก ปริมาณที่พักอาศัยจะไม่มีเพิ่มขึ้นมากในอนาคตอันใกล้เนื่องจากการหาที่ดินที่เหมาะสมนั้นต้องใช้เวลา มีการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินและต้องมีการพัฒนาโครงการใหม่หรือปรับปรุงโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ฝ่ายจัดอันดับและประเมินราคาของไนท์แฟรงค์คาดว่าจะมีบ้านสร้างเสร็จเพิ่มจำนวนเพียงราว 16,000 หลังต่อปีในช่วงเวลา 6 ปีจากนี้ไป ถือเป็นอัตราต่อปีที่ต่ำกว่า 19,500 หลังต่อปีในช่วงปี 2534-2554 อยู่ 17.4% ราคาจะไม่ตกลงต่ำมากเนื่องจากอุปสงค์มีจำกัดและอัตราดอกเบี้ยยังต่ำอยู่”
โธมัส แลมยังชี้อีกด้วยว่ารัฐบาลจะไม่สร้างที่พักอาศัยเพิ่มในจำนวนมากหรือพยายามดึงราคาอสังหาริมทรัพย์ให้ตกต่ำลงอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นการประกาศใช้อากรแสตมป์พิเศษ (SSD หรือ Special Stamp Duty) เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ก็ไม่ได้มีผลต่อการควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์มากนัก ข้อมูลจากทางฝ่ายจัดอันดับและประเมินราคาของทางบริษัทระบุว่าราคาที่พักอาศัยในขณะนี้สูงกว่าช่วงพีคของปี 2540 อยู่ 9.2% ราคาอสังหาริมทรัพย์บนเกาะฮ่องกงและเกาลูนขณะนี้ได้พุ่งสูงเกินกว่าจุดสูงสุดเมื่อปี 2540 ไปแล้ว และราคาอสังหาริมทรัพย์ในเขตดินแดนใหม่ก็ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดเมื่อปี 2540 เช่นกัน อย่างไรก็ดีเป็นที่สังเกตว่าปริมาณการซื้อขายเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ยอดการขายที่พักอาศัยลดลง 25.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 หรือ 37.2% เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี 2553 ก่อนที่จะมีการประกาศใช้อากรแสตมป์พิเศษ
ทั้งนี้แม้จะมีสภาพความไม่แน่นอนทั้งภายในและภายนอกรุมเร้าแต่เราก็ยังคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยของฮ่องกงจะไม่มีการปรับฐานราคาครั้งใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2555 นี้เนื่องจากมีอุปสงค์ความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องและเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นยังคงมีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ