กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--ปตท.
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ก่อนอันเป็นผลจากความกังวลเรื่องสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง ประกอบกับความหวังของนักลงทุนที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากธนาคารกลางสหรัฐฯและธนาคารกลางยุโรป ล่าสุด (1 ส.ค. 55) ราคาปิดตลาดสิงคโปร์ ราคาปิดตลาดสิงคโปร์ น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 101.89 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 อยู่ที่ 119.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 120.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซินเหลืออยู่ 1.16 บาท/บาท กลุ่มดีเซล 1.33 บาท/ลิตร และเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ 1.28 บาท/ลิตร ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าการตลาดที่เหมาะสม 1.80 บาท/ลิตร อยู่มาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในวันนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะเริ่มมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาบ้าง แต่ยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ค่าการตลาดกลับมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดขึ้นลิตรละ 40 สตางค์/ลิตร (เว้น E85 ปรับขึ้น 20 สตางค์/ลิตร) ส่วนดีเซลคงเดิม ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีก ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (2 ส.ค. 55) เป็นต้นไป ราคาเป็นดังนี้
หน่วย: บาท/ลิตร
น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 (บลู แก๊สโซฮอล E85) 22.18
น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 (บลู แก๊สโซฮอล E20) 34.48
น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (บลู แก๊สโซฮอล 95) 38.13
น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (บลู แก๊สโซฮอล 91) 36.38
น้ำมันเบนซิน 91 (บลู แก๊สโซลีน 91) 43.45
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (บลู ดีเซล) 29.63
นายสรัญ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงผันผวน โดยต้องจับตามมองผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรปในวันนี้ และวันพรุ่งนี้ตามลำดับอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นได้อีก ทั้งนี้ ในการปรับขึ้นราคาในราคาแต่ละครั้งนั้น ปตท. ได้พยายามที่จะให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนน้อยที่สุด และขอรณรงค์ให้ผู้บริโภควางแผนการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าที่สุด รวมทั้ง หันมาใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น รวมทั้งขอให้มั่นใจว่า ปตท. ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย